18 ธันวาคม 2568 นายพิชัย วัชรพงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ตามข้อสั่งการจากนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีความรุนแรงต่อเนื่องตลอดแนวชายแดน โดยมีการยิงปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง (BM-21) และที่น่าตกใจคือมีการใช้โดรนพลีชีพโจมตีเข้ามาในพื้นที่ฝ่ายไทย ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ทำให้ต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
ศูนย์เฉพาะกิจประสานงานด้านความมั่นคงพื้นที่ป่าอนุรักษ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา 6 แห่ง และหน่วยงานร่วมบูรณาการอีก 20 หน่วยงาน ศูนย์พักพิงฉุกเฉินจำนวน 17 แห่ง เพื่อรองรับประชาชนผู้ประสบภัย โดยมีการรับ-ส่งมอบสิ่งของบริจาค เตรียมถุงยังชีพ และเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็น พร้อมอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เฝ้าระวัง 20 หมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจตราเฝ้าระวังรักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจุดเสี่ยงภัยสูง นอกจากนี้ ยังมีการจัดเวรยามดูแลรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยงานภาครัฐในระดับพื้นที่ 26 แห่ง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดและการก่อวินาศกรรม
นอกจากนี้ ยังภารกิจในการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้งไว้ในหมู่บ้าน เนื่องจากเจ้าของต้องอพยพหนีภัยอย่างเร่งด่วน เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่ดูแลให้อาหารสัตว์เลี้ยงทั้งโค กระบือ สุนัข แมว และสัตว์ปีกจำนวนมาก รวมถึงร่วมตรวจสอบพิสูจน์วัตถุระเบิดในพื้นที่กับหน่วย EOD เพื่อความปลอดภัยของประชาชนก่อนกลับเข้าพื้นที่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ได้มีการจัดประชุมคณะทำงานศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 4/2568 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สบอ.9 และผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ประเมินแนวทางการปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ภายใต้กฎอัยการศึกและการประกาศปิดพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจรุนแรงขึ้น
นายพิชัย กล่าวเน้นย้ำว่า “เราปฏิบัติตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ทส. อย่างเต็มกำลัง โดยยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ทุกหน่วยงานประสานงานกันอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้งไว้”

