วันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 09.09 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เดินทางเข้ารับตำแหน่งในวันแรกอย่างเป็นทางการ ณ อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ได้แก่ พระพุทธสยัมภู และพระภูมิเจ้าที่ รวมถึงถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่
หลังจากนั้น นายสุชาติ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าวชั้น 1 เพื่อชี้แจงนโยบายและทิศทางการดำเนินงาน โดยเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะสานต่อนโยบายเดิมที่เป็นประโยชน์และเร่งขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะในช่วง 4 เดือนแรกของการทำงาน
นายสุชาติ กล่าวว่าตนได้ศึกษาและทำความเข้าใจการทำงานของกระทรวง ทส. มาเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาและยกระดับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ นโยบายสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการประกอบด้วย 4 ด้านหลัก ดังนี้
1. การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประชาชน: มุ่งเน้นการน้อมนำพระราชดำริมาเป็นแนวทางในการทำงาน โดยเฉพาะการบริหารจัดการป่าไม้ ที่ดิน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมนำเทคโนโลยี AI และดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
2. การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน: กระทรวง ทส. มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีศักยภาพระดับโลก จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการอย่างรัดกุม โดยจะมีการกำหนดช่วงเวลาการเข้าท่องเที่ยวในพื้นที่อ่อนไหวเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว และจะควบคุมเรือนำเที่ยวอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาระบบนิเวศชายฝั่ง
3. การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ: เน้นการพัฒนาระบบเตือนภัยให้ทันสมัยและเป็นสากลเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น พายุและอุทกภัย พร้อมทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
4. การจัดการสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหามลพิษ: ยกระดับการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เช่น หมอกควันและฝุ่น PM2.5 โดยจะประสานความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการต่างประเทศ, และกระทรวงพาณิชย์ ในการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่ชายแดน และจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้กระทำผิด
นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังเน้นถึงประเด็นสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ การบูรณาการเทคโนโลยี โดยมีการหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี วุฒิสภา และพรรคการเมือง เพื่อนำเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียมาใช้ในการทำงานและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในเรื่องการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน รัฐบาลจะทำงานร่วมกับองค์กรภาคเอกชน (NGO) และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ระยะเวลาการดำเนินงาน ตั้งเป้าหมายที่จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนภายใน 4 เดือน โดยจะมุ่งเน้นการทำงานที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ ซึ่งในการสร้างความร่วมมือต้องขอเชิญชวนชุมชน ภาคประชาชน และนักวิชาการเข้ามาร่วมดำเนินงาน เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นเอกภาพและสอดคล้องกันทุกภาคส่วน ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติและประชาชน
ในตอนท้าย นายสุชาติ ได้กำชับให้ข้าราชการทุกคนทำงานด้วยความรับผิดชอบและรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรของประเทศ เช่น การดูแลที่ดินของรัฐ การบุกรุกป่าไม้ หรือการอนุญาตให้เข้าพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นในกระทรวงอย่างเด็ดขาด
ในโอกาสเดียวกัน ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด ได้ร่วมแสดงความยินดีและมอบแจกันดอกไม้ต้อนรับ ณ ห้องศักดิ์สิทธิ์ตรีเดช ชั้น 2 อย่างอบอุ่น.