• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมงานวันช้างไทย 2568 “นวัตกรรมชุมชน สู่ปัญหาคนกับช้าง” นำเสนอความคืบหน้าและอนาคตการจัดการประชากรช้างป่า

วันที่ 13 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น. นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าร่วมงานวันช้างไทย 2568 “นวัตกรรมชุมชน สู่ปัญหาคนกับช้าง” จัดโดยสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยมีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และหน่วยงานร่วม มีนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ภายในงานมีการเสวนาเรื่อง : นวัตกรรมชุมชน รับมือช้างป่า และหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ นางสาวสมหญิง ทัพหิกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ร่วมบรรยาย เรื่อง : ความคืบหน้าและอนาคตการจัดการประชากรช้างป่า ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

นางสาวสมหญิง กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรช้างป่ากระจายอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ ประมาณ 4,013 – 4,422 ตัว กระจายอยู่ใน 16 กลุ่มป่า 91 พื้นที่อนุรักษ์ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าเกิดขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 71 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติ จำนวน 35 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำนวน 29 แห่ง และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 7 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 42 จังหวัด 128 อำเภอ 151 ตำบล สถิติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากช้างป่า จำนวน 251 คน สถิติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากช้างป่า จำนวน 220 คน

การดำเนินการแก้ไขปัญหาช้างป่าตามมาตรการ 6 ด้าน ภายใต้คณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง ประกอบด้วย

1. การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า

มีการจัดทำแหล่งน้ำแหล่งอาหาร (ปลูกพืชอาหาร ปรับปรุงทุ่งหญ้า จัดทำแหล่งโป่ง) ได้ดำเนินจัดทำแหล่งน้ำกว่า 99 แห่ง และแหล่งอาหารมากกว่า 20,420 ไร่ สำหรับแผนดำเนินการในปีงบฯ 2568 สร้างจัดแหล่งน้ำ 14 แห่ง รวม 26,000 ลบ.ม. แหล่งอาหาร 8,045 ไร่ และโป่งเทียม 490 แห่ง ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์สำคัญที่มีการกระจายของช้างป่า

2. การจัดการแนวป้องกันช้างป่า

ดำเนินการปรับปรุงรูปแบบคูกันช้างเป็นแบบดาดคอนกรีตเพื่อเพิ่มความ แข็งแรง คงทน ในพื้นที่กลุ่มป่ารอยต่อ 5 จังหวัด รวมระยะทาง 45 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ระยะทาง 10 กิโลเมตร และอุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น ระยะทาง 10 กิโลเมตร สำหรับแผนดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี ในพื้นที่กลุ่มป่าตะวันออกเพิ่มเติม รวมระยะทางอีก 25 กิโลเมตร

3. การสนับสนุนชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า และเครือข่ายชุมชน

ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่า จำนวน 86 ชุด (พ.ศ. 2568) และเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 227 เครือข่าย

4. การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ประกาศใช้หลักเกณฑ์ และวิธีการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสัตว์ พ.ศ. 2567 กรณี : บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยการใช้เงินรายได้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าและจัดทำร่างระเบียบว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า กรณี : ทรัพย์สิน และพืชผลทางการเกษตรเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างกรมบัญชีกลางพิจารณาความเหมาะสมอัตราการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งนี้ ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า รวม 4,088,654 บาท โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 9 ราย รวม 366,842 บาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 55 ราย รวม 2,417,010 บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 23 ราย รวม 1,304,802 บาท

5. การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน

มีการจัดทำพื้นที่รองรับช้างป่า โดยการสำรวจพื้นที่สำหรับสร้างพื้นที่รองรับและจัดการช้างป่าที่สร้างความเดือดร้อนแก่ราษฎรในพื้นที่ 6 กลุ่มป่าหลัก ได้แก่ กลุ่มป่าตะวันออก ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน กลุ่มป่าตะวันตก ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กลุ่มป่าแก่งกระจาน ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง กลุ่มป่าคลองแสง-เขาสก ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง และกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ และดำเนินการสร้างศูนย์ปรับพฤติกรรมช้างป่า เพื่อเป็นพื้นที่รองรับช้างป่าที่มีประวัติทำร้ายประชาชนหรือความเสี่ยงทำร้ายประชาชน ก่อสร้างเสร็จแล้ว จำนวน 3 คอก ได้แก่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา จ.พังงา สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี จำนวน 2 คอก อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง จำนวน 1 คอก ได้แก่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน จ.สระแก้ว จำนวน 1 คอก

6. การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด

ระยะที่ 1 การศึกษาวิจัยและทดสอบการใช้วัคซีนในช้างเลี้ยง ระยะที่ 2 การศึกษาและขยายผลการดำเนินงานในช้างป่า โดยพัฒนาโครงการศึกษาวิจัยการควบคุมประชากรช้างป่าใช้วัคซีนคุมกำเนิด โดยใช้วัคซีนคุมกำเนิด SpayVac® ซึ่งสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันอยู่ได้นาน (วัคซีน 1 เข็มสามารถควบคุมอัตราการเกิดได้นาน 7 ปี) ปัจจุบันดำเนินการทดสอบการใช้วัคซีนคุมกำเนิดในช้างบ้านจำนวน 7 เชือก พบว่าวัคซีนไม่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและการดำรงชีวิตของช้างบ้าน ซึ่งยังมีการติดตามผลการศึกษาต่อเนื่อง ก่อนขยายผลไปสู่การทดสอบในช้างป่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด