• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

“พัชรวาท”เร่งผลักดันระบบ E-National Park เพื่อการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการเข้าใช้บริการต่างๆ เพื่อความโปร่งใสในการจัดเก็บรายได้ของอุทยาน เริ่มใช้ครบทุกพื้นที่อุทยานในปี 2568

วันที่ 24 เมษายน 2567 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการปรับปรุงพัฒนาระบบการจำหน่ายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-National Park เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ ในการจองบัตรค่าบริการล่วงหน้า และการเข้าใช้บริการต่างๆในอุทยานฯ โดยมีการนำร่องในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 6 แห่ง ได้แก่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และอุทยานแห่งชาติเอราวัณ โดยได้มีการตรวจเจออุปสรรคปัญหาเกี่ยวกับระบบบ้าง แต่ก็ได้มีการพัฒนาระบบเรื่อยมา เพื่อให้เกิดความเสถียรมากที่สุด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายและสั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งพัฒนาระบบโดยยึดหลักความโปร่งใสและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวตลอดจนผู้บริการเป็นหลัก ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 ได้มีการประชุมคณะกรรมการเงินอุทยานแห่งชาติ ครั้งที่ 6 โดยที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาระบบ E-national park ให้ครบทุกอุทยานแห่งชาติ ภายในระยะเวลา 2 ปี พร้อมจัดเก็บรายได้ด้วยความโปร่งใส โดยการพัฒนาระบบการซื้อบัตรค่าบริการ การจองที่พัก และบริการอื่นๆของอุทยานแห่งชาติไว้ในระบบเดียวกัน ในรูปแบบ Mobile Application และทางเว็บไซต์ โดยมติที่ประชุมเห็นชอบพร้อมทั้งให้จัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบพัสดุ คาดว่าสิ้นปี 2567 จะสามารถเปิดใช้งานระบบในอุทยานแห่งชาติ จำนวน 80 แห่ง และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จะสามารถเปิดใช้งานได้อีก จำนวน 76 แห่ง ครอบคลุมทุกอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ
สำหรับยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ในปี พ.ศ 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน (22 เมษายน 2567) สามารถจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ได้แล้วเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,523,394,364 บาท เพิ่มขึ้นถึง 61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด