• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

รมว.ทส. “เฉลิมชัย” ลงพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด จ.พัทลุง สงขลา สตูล และตรัง ตั้งหน่วยพัฒนาชุมชนในเขตป่าอนุรักษ์พร้อมขยายผลทั่วประเทศมุ่งพัฒนาชุมชนยั่งยืน

18 กรกฎาคม 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยนายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง เพื่อติดตามความพร้อมในการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด พร้อมรับมอบนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ ณ หน่วยจัดการต้นน้ำคลองป่าพรุพ้อ จังหวัดพัทลุง ซึ่งถือเป็นพื้นที่ต้นแบบสำคัญของการพัฒนาชุมชนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด

การลงพื้นที่ครั้งนี้ มีนายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ออส.) ร่วมติดตามรวมถึงนายสมบูรณ์ ธีระบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ นายสัจรินทร์ ศรีเสน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 (สงขลา) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ทส. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การต้อนรับ

ดร.เฉลิมชัย เปิดเผยข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ ว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์รวม 677 แห่ง เนื้อที่กว่า 73 ล้านไร่ และจากการสำรวจพบว่ามีประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ถึง 224 แห่ง รวมกว่า 4.257 ล้านไร่ และมีหมู่บ้านที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากว่า 4,042 หมู่บ้านทั่วประเทศ โดยเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงแนวคิดครั้งใหญ่ว่า “เรามีเป้าหมายสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และให้ความสำคัญกับสิทธิ ความเป็นอยู่ และความมั่นคงของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์” พร้อมระบุว่าการดำเนินการนี้มีฐานกฎหมายที่ชัดเจนตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

ดร.เฉลิมชัย​ รมว.ทส. ได้มอบนโยบายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยสั่งการให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั่วประเทศดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดไว้ เริ่มจากการสำรวจข้อมูลและจัดทำแผนสนับสนุนที่คำนึงถึงความต้องการของชุมชนในการอยู่ร่วมกับป่าอนุรักษ์ ซึ่งเป็นการรับฟังและเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของชุมชน มิใช่การบังคับหรือกำหนดจากส่วนกลาง ขั้นตอนสำคัญคือ การจัดตั้งหน่วยพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน เริ่มจากการปรับเปลี่ยนหน่วยจัดการต้นน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่เป็นอันดับแรก หากไม่เพียงพอ จะพิจารณาปรับเปลี่ยนจากหน่วยงานอื่น เช่น หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชุมชนที่จะพัฒนา เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด และให้ดำเนินการตามแผนความต้องการของชุมชน โดยเริ่มจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ถนน ไฟฟ้า ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำและระบบน้ำสำหรับใช้ในครัวเรือนและการเกษตร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิต ในส่วนของการจัดการสิ่งแวดล้อม

รัฐมนตรีได้เน้นการจัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่เกษตร โดยใช้เทคนิคต่างๆ อาทิ การจัดทำวนเกษตร (สวนสมรม) การปลูกหญ้าแฝกเพื่อลดการชะล้างพังทลายของดิน และระบบการจัดการน้ำที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ชุมชนสร้างแหล่งอาหารหรือพื้นที่สมุนไพรในท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้านการเกษตรและอาชีพ จะเน้นการส่งเสริมเกษตรเชิงอนุรักษ์ที่ไม่ทำลายป่า แต่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอาชีพนอกภาคเกษตร หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อสร้างความหลากหลายทางรายได้ ที่สำคัญคือ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลรักษาพื้นที่อนุรักษ์ โดยการจัดตั้งเครือข่าย อาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.อส.) ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญคือการสร้างฐานข้อมูลและการวิจัย โดยสำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำจะประสานงานให้หน่วยงานภาคสนามในสังกัดทั่วประเทศ เข้าไปศึกษาวิจัยและสำรวจข้อมูลชุมชนร่วมกับหน่วยพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่ใช้ในการวางแผนพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับแต่ละพื้นที่ โดยแต่งตั้งให้กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาลน้ำ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยพัฒนาในพื้นที่ป่า อีกทั้งให้หน่วยพัฒนาชุมชนจะเป็นศูนย์กลางในการประสานงานหน่วยงานภายนอกที่เป็นหน่วยงานพัฒนาเข้ามาบูรณาการพัฒนาชุมชนในเขตป่าอนุรักษ์

ดร.เฉลิมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ บนพื้นฐานของความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างรัฐกับชุมชน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ “อนุรักษ์และพัฒนาต้องไปพร้อมกัน เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทำให้ได้” โดยเชื่อมั่นว่าทุกชีวิตมีคุณค่า และทรัพยากรธรรมชาติเป็นสมบัติร่วมของคนทั้งชาติ รมว.ทส. ยังให้คำมั่นที่ชัดเจนว่า “พร้อมจะสนับสนุนและผลักดันนโยบายต่างๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์เป็นพื้นที่แห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นที่พึ่งพิงของชุมชนอย่างยั่งยืน” และได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ร่วมกันทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานฯ พร้อมดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้เป็นรูปธรรม และจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานราชการ พร้อมทั้งสร้างรายได้และพัฒนาพื้นที่ป่าไม้อย่างยั่งยืนในระยะยาว​ สำหรับพื้นที่นำร่องเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ครอบคลุม 5 หน่วย 71 หมู่บ้าน มีประชากร 8,917 คน ในเนื้อที่ 95,951 ไร่เศษ นโยบายนี้จะเริ่มดำเนินการในพื้นที่นำร่องก่อน แล้วค่อยขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป้าหมายการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและยั่งยืนระหว่างชุมชนกับป่าไม้ ซึ่งบทบาทใหม่ในหน้าที่ของหน่วยพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จากการสำรวจความต้องการของชาวบ้านในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด เพื่อนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับความต้องการของชาวบ้านและภารกิจงานของหน่วยพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ได้แก่​ กลุ่มที่ 1 ต้องการตัดต้นไม้ยางพาราที่หมดอายุ​ กลุ่มที่ 2 ต้องการน้ำเพื่อไม้ผลและการเกษตร​ กลุ่มที่ 3 ต้องการการปลูกพืชแบบผสมผสาน​ กลุ่มที่ 4 ต้องการการส่งเสริมอาชีพ เช่น การเลี้ยงผึ้ง การเลี้ยงปลา เป็นต้น​ และกลุ่มที่ 5 ต้องการการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด