วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ให้ประสานการปฏิบัติโดยขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย นั้น ล่าสุด กก.1บก.ปทส. ได้ดำเนินการล่อซื้อหนังเสือจากผู้ค้าซากสัตว์ป่าทางเฟซบุ๊กชื่อ “แมวโพง” ซึ่งได้โพสต์ขายลงในกลุ่มเครื่องรางของขลัง และได้มีการขยายผลและทำการขอหมายค้นจากศาลจังหวัดปทุมธานี เพื่อเข้าตรวจค้นสถานที่เก็บซากสัตว์ป่าดังกล่าวในตำบลบ้านบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
กรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า “ชุดเหยี่ยวดง” และสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า และสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าร่วมกับ กก.1 บก.ปทส. เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าทางเฟซบุ๊ก จำนวน 1 คน คือนายกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดแพร่ ตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซากเสือโคร่ง จำนวน 163 รายการ ซากเสือดาว จำนวน 108 รายการ ซากเสือดำ 133 รายการ ซากเสือลายเมฆ จำนวน 77 รายการ ซากเสือไฟ จำนวน 19 รายการ รวมทั้งสิ้น 500 รายการ
นายกานต์ฯ รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กที่ค้าซากเสือ “แมวโพง” โดยทำมาแล้วประมาณ 2 ปี ซึ่งวิธีการจะสั่งซื้อซากเสือมาเป็นตัวจากเฟซบุ๊กไม่ทราบว่าต้นทางมาจากที่ใด แล้วตัดแบ่งขายโดยรับซื้อซากเสือโคร่ง 1 ตัวในราคาประมาณ 40,000 – 50,000 บาท แล้วแบ่งชิ้นส่วนของเสือโคร่งต่างๆ เช่น หัวเสือโคร่งจะขายในราคาหัวละ 10,000 -20,000 บาท ลำตัว ขายในราคา 12,000 บาท เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้าจะเป็นนักสะสม หรือพวกที่ชอบเครื่องรางของขลัง
ทั้งนี้ผู้ต้องหา มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17 ฐาน “มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี” มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 29 ฐาน “ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษตามมาตรา 89 จำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งได้ดำเนินการตามมาตรา 22 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และได้แจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเรื่องราวส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลหาเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับซากสัตว์ป่าของกลางอยู่ในระหว่างส่งมอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับไปตรวจสอบชนิดพันธุ์ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ก่อนนำไปดูแลและเก็บรักษาตามระเบียบต่อไป