22 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมการประชุมแนวทางการควบคุมไฟป่าและบริหารจัดการไฟในพื้นที่ป่าอย่างบูรณาการผ่านระบบ Zoom Meeting จากโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดตาก โดยมีนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในการประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 17 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายอรรถพล อธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมว่า หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาไฟป่าในปี 2569 คือ การถอดบทเรียนจากการทำงานย้อนหลังกว่า 7 ปี ซึ่งพบว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวที่รวดเร็วและการซักซ้อมที่แม่นยำ โดยในปีนี้ กรมอุทยานฯ จะผนึกกำลังกับภาคประชาสังคมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเครือข่าย “สภาลมหายใจ” ครอบคลุม 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ใน 14 กลุ่มป่าอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นแกนกลางเชื่อมโยงกับ War Room จังหวัด และกองทัพภาค เพื่อออกคำสั่งเฝ้าระวังไฟป่าและหมอกควัน ให้เข้าถึงพื้นที่เป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด
อธิบดีกรมอุทยานฯ เน้นย้ำว่า ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุมไฟป่า 14 กลุ่มป่า ได้วางโครงสร้างการทำงานร่วมกับอธิบดีกรมป่าไม้และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพื่อคุมเข้มพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก โดยตั้งเป้าปิด “จุดเกรงใจ” ซึ่งเป็นรอยต่อป่าที่มักเกิดปัญหาทับซ้อน ด้วยการบูรณาการการทำงาน 3 ฝ่ายระหว่างกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนงบประมาณจ้างเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในหมู่บ้านเป้าหมายและใช้งบกลางสนับสนุนในส่วนที่จำเป็น เพื่อเพิ่มพละกำลังในการลาดตระเวนและดับไฟป่าให้ทั่วถึง
นอกจากนี้ กรมอุทยานฯ เตรียมนำ “เชียงใหม่โมเดล” มาเป็นต้นแบบสร้างการรับรู้และจัดทำแผนชุมชนทั่วประเทศ โดยปรับเปลี่ยนทัศนคติจากการประกาศ “ห้ามเผาเด็ดขาด” มาเป็นการ “บริหารจัดการเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการ” หรือการชิงเผาในพื้นที่ล่อแหลมและแหล่งอาหารสัตว์ป่า โดยมีการควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน FireD (ไฟดี) หรือ Burn Check เพื่อบริหารจัดการห้วงเวลาไม่ให้กระทบต่อคุณภาพอากาศในภาพรวม ซึ่งมาตรการนี้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลใน 5 มิติหลัก ทั้งการลดการเผาภาคเกษตร การจัดการป่าไม้ การควบคุมฝุ่นเมือง หมอกควันข้ามแดน และการบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยผลสัมฤทธิ์ที่ผ่านมาสามารถลดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าได้ถึงร้อยละ 40 จากจำนวนจุดความร้อนในปี 2567
สำหรับ 5 มาตรการสำคัญรับมือสถานการณ์ไฟป่า ปี 2569 ประกอบด้วย
- “เคาะประตูบ้าน” ส่งความรู้ถึงมือชาวบ้าน ทีมเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ร่วมกับทหารลงพื้นที่รณรงค์ให้ความรู้แบบตัวต่อตัว ครอบคลุม 14 กลุ่มป่า 1,100 หมู่บ้าน สร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากชุมชนตั้งแต่ต้นทาง
- “ชิงเผา” ด้วยเทคโนโลยี แก้ไฟป่าอย่างยั่งยืน บริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบมีการควบคุม ใช้แอปพลิเคชัน BurnCheck ขออนุญาตและรายงานผล โดยนำพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จ.ชลบุรี 19 แปลง เป็นพื้นที่ต้นแบบ
- กางตาข่ายเฝ้าระวัง 3,895 จุดทั่วประเทศ กระจายใน 17 จังหวัดภาคเหนือ 2,744 จุด และพื้นที่ 14 กลุ่มป่า 2,082 จุด โดยเชียงใหม่มีมากสุด 473 จุด ตามด้วยแม่ฮ่องสอน 339 จุด และกาญจนบุรี 207 จุด
- รวมพลังทุกภาคส่วน ปราบไฟป่าแบบบูรณาการ ผนึกกำลังกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ ทหาร ประชาชน และอาสาสมัคร ลาดตระเวน ดับไฟ และเฝ้าระวัง พร้อมสนับสนุนงบประมาณจ้างเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในหมู่บ้านเป้าหมาย
- เข้มงวดกฎหมาย ปิดพื้นที่เสี่ยงไม่มีผ่อนปรน ห้ามเข้าป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืน สร้างวินัยและความตระหนักรู้ในการร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้
“การบูรณาการทุกภาคส่วน มีส่วนผลักดันให้การควบคุมไฟป่าในปี 2569 ประสบความสำเร็จ ช่วยลดปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน” นายอรรถพล กล่าวทิ้งท้าย.

