18 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น. นายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วยผู้อำนวยการส่วนและหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี เข้าพบนางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรายงานเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยประธานสภาลมหายใจ ณ ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมอุทยานฯ
นายราชันย์ กล่าวว่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรับมือกับสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้งนี้ โดยได้วางแผนมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเน้นการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามนโยบายของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“การป้องกันไฟป่าจังหวัดกาญจนบุรีต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง การได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ และที่สำคัญคือการสร้างความเข้าใจกับชุมชนที่อยู่รอบพื้นที่ป่า ให้ตระหนักถึงผลกระทบของไฟป่าและ PM2.5 ที่มีต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต” นายราชันย์ กล่าว

ในวันเดียวกัน อุทยานแห่งชาติไทรโยค ร่วมกับสถานีควบคุมไฟป่าไทรโยค ได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์เชิงรุกแบบ “เคาะประตูบ้าน” เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พร้อมรณรงค์หยุดเผาและขอความร่วมมือในการป้องกันไฟป่าในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าจากสถิติย้อนหลัง
นายพีร พวงมาลี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่รอบอุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าพูดคุยกับประชาชนถึงบ้าน เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยจากไฟป่าและหมอกควัน รวมทั้งขอความร่วมมือในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงและร่วมกันป้องกันไฟป่าในพื้นที่
การดำเนินงานครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ในอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 6 หมู่บ้าน ใน 2 ตำบล รวม 130 ครัวเรือน ประกอบด้วย ตำบลท่าเสา ได้แก่ บ้านพุลาด 20 ครัวเรือน บ้านพุเตย 20 ครัวเรือน บ้านพุมด 15 ครัวเรือน และบ้านพุองกะ 20 ครัวเรือน และตำบลวังกระแจะ ได้แก่ บ้านแก่งระเบิด 15 ครัวเรือน และบ้านหาดงิ้ว 20 ครัวเรือน
การประชาสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้านเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือจากชุมชน เนื่องจากเป็นการสื่อสารแบบตัวต่อตัวที่ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและสามารถสอบถามข้อสงสัยได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
“การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง การรณรงค์การบริหารจัดการเชื้อเพลิงจะต้องสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของ PM2.5 ต่อสุขภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เราจะขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง และด้วยการประสานความร่วมมือกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นว่าจะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในจังหวัดกาญจนบุรีได้อย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายของอธิบดีฯ” นายพีร กล่าวทิ้งท้าย
นายราชันย์ กล่าวเสริมว่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 พร้อมที่จะบูรณาการความร่วมมือกับจังหวัดกาญจนบุรี ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน และเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากภัยไฟป่าและหมอกควันต่อไป.

