8 กันยายน 2568 – นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานการประชุมการเฝ้าระวังพื้นที่ป่าอนุรักษ์ด้วยระบบติดตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ และการบูรณาการข้อมูลพื้นที่บุกรุกของทุกหน่วยงานในสังกัดฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานระบบติดตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้ และรวบรวมข้อมูลการบุกรุกจากทุกหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปอย่างมีระบบ ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ กรมอุทยานแห่งชาติฯ
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้อำนวยการสำนักส่วนกลาง หัวหน้าศูนย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และสาขา ตลอดจนผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Zoom)
ที่ประชุมได้มีข้อสรุปสำคัญคือ การปรับ “ศูนย์ปฏิบัติการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ” ให้บูรณาการบุคลากรและระบบจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศฯ ศูนย์ภูมิสารสนเทศ และศูนย์ Smart Patrol เข้าไว้ด้วยกันให้เป็นศูนย์กลางในการเฝ้าระวังภัยคุกคามในพื้นที่ป่า โดยจะมุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่เกิดขึ้นหลังปี พ.ศ. 2557 และพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรีมาตรา 64 และ 121
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงาน ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้มีการปรับปรุงระบบการรายงานคดีความจากหน่วยงานภาคสนามทั้งหมด โดยเปลี่ยนจากระบบเอกสารมาใช้ระบบออนไลน์ เช่น Google Form เพื่อให้ข้อมูลมีความรวดเร็วและเป็นปัจจุบันทันที นอกจากนี้ยังจะมีการประสานงานกับ GISTDA เพื่อขอรับภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงมาใช้ประกอบการพิจารณาคดี รวมถึงการร่วมมือกับกรมป่าไม้เพื่อกำหนดมาตรฐานการแปลภาพถ่ายดาวเทียมให้เป็นหนึ่งเดียว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ โดยได้ยอมรับว่าการลาดตระเวนส่วนใหญ่ยังคงอยู่บนถนนซึ่งทำให้เข้าไม่ถึงพื้นที่บุกรุกที่แท้จริง จึงได้มีข้อเสนอให้ปรับแผนใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่พื้นที่แนวเขตทำกินที่มีความเสี่ยงต่อการขยายตัว และเปลี่ยนจากการ “ปราบปราม” เป็นการ “ตรวจเยี่ยมแปลง” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่มากขึ้น รวมถึงการเร่งรัดกระบวนการออกหนังสือรับรองสิทธิที่ดินทำกินในเขตป่าอนุรักษ์ตามมาตรา 64 และ 121 เพื่อสร้างความมั่นคงในที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการบุกรุกใหม่ในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
อีกประเด็นสำคัญที่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาคือความแม่นยำของข้อมูลการดูดซับก๊าซเรือนกระจกในภาคป่าไม้ของประเทศไทยซึ่งยังคงคลาดเคลื่อน อาจทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าขาดความจริงจังในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ดังนั้น กรมอุทยานฯ จึงมีแผนการจัดซื้อเครื่องเลเซอร์สแกนแบบมือถือและใช้โดรนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลความหนาแน่นและชนิดของป่าไม้ เพื่อคำนวณการดูดซับคาร์บอนให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้นและนำเสนอต่อหน่วยงานสากลเพื่อปรับปรุงตัวเลขให้สะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มอบหมายให้สำนักป้องกันฯ เร่งรัดการออกคำสั่งและแนวทางการปฏิบัติงานใหม่ภายใน 7 วัน และให้สำนักพื้นที่ทุกแห่งจัดประชุมเพื่อซักซ้อมความเข้าใจภายในระยะเวลาเดียวกัน เพื่อให้การดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด.