• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

กรมอุทยานฯ​ – ม.เกษตรฯ​ – WCS​ – WWF ร่วมจัดงานผู้พิทักษ์ป่าไทย​ ด้าน​ รมว.ทส.​ “เฉลิมชัย” สั่งเพิ่มเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตไม่เกิน 1 ล้านบาท

27 พฤษภาคม 2568 กรมอุทยานแห่งชาติฯ เดินหน้ายกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของไทยสู่มาตรฐานสากล ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศไทย ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดเผยข่าวดีสำหรับผู้พิทักษ์ป่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเน้นการดูแลสวัสดิภาพและเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่​ ให้เพิ่มเงินช่วยเหลือในกรณีต่างๆ ซึ่งผ่านคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินอุทยานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว​ รายละเอียด​ ดังนี้​

กรณีบาดเจ็บจนถึงแก่ทุพพลภาพ​ อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ที่มีความเสี่ยงภัย จ่ายเงินช่วยเหลือได้ในอัตราไม่เกิน 1,000,000 บาท​ หรือสูญเสียแขน ขา หรือสายตา (ตาบอด) หนึ่งข้าง จากเดิม 300,000 บาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 600,000 บาท​ กรณีบาดเจ็บสาหัสโดยมีเอกสารรับรอง (ช่วยเหลือเท่าที่จ่ายจริง/ไม่เกิน) จากเดิม 150,000 บาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท​ กรณีบาดเจ็บโดยมีเอกสารรับรอง (ช่วยเหลือเท่าที่จ่ายจริง/ไม่เกิน) จากเดิม 50,000 บาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

กรณีบาดเจ็บอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทั่วไป จ่ายเงินช่วยเหลือได้ในอัตราไม่เกิน 1,000,000 บาท กรณีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จากการปะทะ ต่อสู้ ลาดตระเวนในพื้นที่ป่า หรือถูกสัตว์ป่าทำร้าย จากเดิม 500,000 บาท ปรับเพิ่มเป็น 1,000,000 บาท​ และกรณีเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือจากข้างต้น จากเดิม 400,000 บาท ปรับเป็น 500,000 บาท​ เป็นต้น

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยถึงความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ว่า​ เพื่อพัฒนาศักยภาพการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่าของไทย โดยมุ่งเน้น 4 แนวทางหลัก ได้แก่​ การพัฒนาระบบการสืบสวนทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยี SMART Patrol และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสำหรับการลาดตระเวนและจัดการพื้นที่อนุรักษ์การพัฒนาระบบเฝ้าระวังและป้องกัน การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและเครือข่าย เสริมสร้างความรู้ความสามารถให้กับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์และ “ผู้พิทักษ์ป่าไทย” ตลอดจนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางอนุรักษ์ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน​ แผนการดำเนินงานภายใต้ MOU นี้ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่

ช่วงที่ 1 (พ.ค. – พ.ย. 2567) เริ่มต้นด้วยการลงนาม MOU, เปิดตัวหลักสูตร “ผู้พิทักษ์ป่าไทย” (Thai Park Rangers) และอบรมระบบเฝ้าระวังฯ

ช่วงที่ 2 (พ.ย. 2567 – พ.ค. 2568) พัฒนาหลักสูตรขั้นสูงโดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ (คุณ Rohit Singh), อบรมเชิงลึก และพัฒนาเครื่องมือลาดตระเวน

และช่วงที่ 3 (พ.ค. – ต.ค. 2568) จัดสัมมนาใหญ่ “ผู้พิทักษ์ป่าไทย : รำลึกนำไป…ผู้ปกป้องและรักษาสมบัติของชาติ” การประเมินผลการดำเนินงานและปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และการจัดการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเครือข่าย

นายอรรถพล ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของผู้พิทักษ์ป่าว่า “ผู้พิทักษ์ป่าคือด่านหน้าที่สำคัญในการดูแลรักษาป่าไม้และสัตว์ป่ากว่า 100 ล้านไร่ทั่วประเทศ พวกเขาปฏิบัติภารกิจด้วยความยากลำบาก เสี่ยงภัย และเสียสละ เพื่อปกป้องสมบัติของชาติไว้ให้คนรุ่นหลัง นอกจากนี้ ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสวัสดิภาพและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้พิทักษ์ป่า โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้อนุมัติเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่า กรณีได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ เป็นจำนวนเงินสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันและตอบแทนคุณความดีในการปฏิบัติงานอย่างเสียสละและทุ่มเทของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า”

ด้าน​ ดร.ประทีป ด้วงแค คณบดีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเสริมเกี่ยวกับการลงนามความร่วมมือฯ​ ว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ เชื่อมโยงงานวิชาการกับการปฏิบัติจริงในพื้นที่”

ผู้แทน WCS ประเทศไทย ชี้ว่า “ทาง​ WCS​ จะนำเทคโนโลยีและประสบการณ์ระดับโลกมาพัฒนาระบบอนุรักษ์ของไทย โดยเน้นการใช้ Big Data และ AI ในการวิเคราะห์และตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย” ขณะที่ตัวแทน WWF สำนักงานประเทศไทย เสริมว่า “การลงนามความร่วมมือนี้จะช่วยสร้างเครือข่ายการอนุรักษ์ที่ครอบคลุมทั้งในระดับชาติและนานาชาติ​ ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งสร้างเครือข่ายการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างฐานข้อมูลการวิจัยที่เข้าถึงได้ และเชื่อมโยงการทำงานระหว่างทุกภาคส่วน รวมถึงขยายความร่วมมือสู่ระดับอาเซียนและนานาชาติ”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเปิดตัวหนังสือภาพและนิทรรศการภาพถ่าย “ผู้พิทักษ์ป่าไทย” เพื่อถ่ายทอดชีวิตจริง เรื่องราว และศรัทธาในหน้าที่ของผู้พิทักษ์ป่า สร้างความตระหนักรู้แก่สังคม และนำไปสู่การสนับสนุนงานอนุรักษ์ของไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืน ภายใต้ปณิธาน “เรารักษาป่าไว้ เพื่อคนไทยทั้งชาติ”.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด