• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

อธิบดีกรมอุทยานฯ เร่งสางปมหมู่เกาะเสม็ด สั่งทำความเข้าใจผู้ประกอบการให้ชัดทุกประเด็น

วันที่ 28 มกราคม 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยว่า กรณีผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ดร้องเรียนเรื่องที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เรียกเก็บเงินค่าดำเนินการรถยนต์ รวมถึงเรียกเก็บรถจักรยานยนต์เช่าและจักรยานยนต์รับจ้าง รวมถึงการเรียกเก็บจากผู้ที่ต่อเติมก่อสร้างบนเกาะเสม็ด ร้อยละ 10 จากงบประมาณก่อสร้าง และ เรียกเก็บเงินจากผู้ที่ใช้คราดและไม้กวาดไปกวาดหญ้าริมถนน และถูกดำเนินคดี เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวมีความชัดเจนจึงมอบหมายให้ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ และจัดประชุมผู้ประกอบการ เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจนในทุกประเด็น


ล่าสุด นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 นายสาธิต ปิ่นกุล ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 และ นายชาณุ เดชธัญญนนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ประกอบด้วย ชมรมรถสองแถว ชมรมวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง กลุ่มผู้ประกอบกิจการเรือรับนักท่องเที่ยว กลุ่มกิจการขายผ้า กลุ่มกิจการขายของที่ระลึก กลุ่มแม่ค้าหายเร่ กลุ่มกิจการนวดแผนโบราณ มารับฟังคำชี้แจง การปฏิบัติงานและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมประเภทต่าง ๆ ณ ห้องประชุม อช.เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด


นายก้องเกียรติ กล่าวว่า การดำเนินการ และค่าธรรมเนียมที่มีการจัดเก็บ เป็นไปตามที่ประกาศในกฏกระทรวง ปี 2566 และหากการดำเนินกิจการใดที่กฏกระทรวงมิได้กำหนดก็จะไม่มีการเก็บเงินแต่ประการใดๆ โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2562 และเรื่องการกำหนดแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องชำระเป็นพิเศษ โดยปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษจากชาวต่างชาติเพิ่มคนละ 100 บาท ในพื้นที่เกาะทะลุ เกาะกุฎี เกาะขาม-เกาะกรวย ส่วนกรณีที่เป็นข่าวเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงิค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ขณะนี้ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และคืบหน้าไปบ้างแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบเพราะมีบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมาก การออกมาเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ผู้ที่ให้ข้อมูลควรต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริง และที่สำคัญต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งหากพบพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ เข้าไปพัวพันเกี่ยวข้อง จะมีดำเนินการลงโทษอย่างแน่นอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด