• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ขสป.แม่น้ำภาชี อช.เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน สนธิกำลังปราบปราม​ ตามนโยบายรองนายกฯสุชาติ​! ยึดอาวุธปืน-ซากสัตว์ป่าสงวนและสัตว์คุ้มครอง!

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี (ขสป.แม่น้ำภาชี) และอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน (อช.เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน) ได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปากท่อ เข้าดำเนินการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างเข้มข้น ผลการปฏิบัติการสามารถตรวจยึดของกลางสำคัญจำนวนมาก ประกอบด้วย อาวุธปืน ซากสัตว์ป่าสงวน (หัวเลียงผา เนื้อเลียงผา) และซากสัตว์ป่าคุ้มครองหลายรายการ

​นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน​ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี​ เปิดเผยว่า​ ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และดำเนินการภายใต้การอำนวยการของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช​ และนายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)

​คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย 4 หน่วยงาน ได้แก่ เจ้าหน้าที่ ขสป.แม่น้ำภาชี นำโดย หัวหน้าเขตฯ, เจ้าหน้าที่ อช.เฉลิมพระเกียรติไทยประจัน, เจ้าหน้าที่สายตรวจสัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง), เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากท่อ และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายในท้องที่บ้านพุสำโรง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี

ภายหลังการสืบสวน (การทำงานการข่าว) พบข้อมูลว่ามีการลักลอบล่าสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองแล้วนำซากมาครอบครอง​ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงบ้านเป้าหมาย ซึ่งเป็นบ้านพักชั้นเดียวสภาพโทรม ได้พบชายอายุ 38 ปี แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ และยินยอมให้นำตรวจสอบตลอดระยะเวลาดำเนินการ

​จากการตรวจสอบภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตรวจพบซากสัตว์ป่าและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก ได้แก่​ หัวเลียงผาสด บรรจุในถุงกระสอบวางอยู่ในตู้ทำความเย็น​, เนื้อเลียงผา บรรจุในถุงพลาสติกวางอยู่ในตู้ทำความเย็น​, หนังแมวดาว, อุ้งตีนตะกวด, ขาเก้ง​, เต่าเหลือง, เต่าหก​, งูจงอาง​, หนังเก้ง จำนวน 2 ผืน​, อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 2 กระบอก​, เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 4 ลูก​, ลำกล้องปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 2 ลำกล้อง​ และมีดพก จำนวน 6 เล่ม

​จากการสอบถาม ชายคนดังกล่าวให้การว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายคาน เป็นผู้พักอาศัยอยู่เพียงลำพังมาโดยตลอด และซากสัตว์ป่า รวมถึงอุปกรณ์ที่ตรวจพบเป็นของนายคาน โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านใกล้ชิด ซึ่งให้การตรงกันว่า นายคานพักอาศัยที่บ้านหลังนี้โดยลำพัง มีพฤติกรรมมักดื่มสุราและล่าสัตว์​ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ติดต่อไปยังนายคาน เพื่อให้มาให้ถ้อยคำและชี้แจง แต่ปรากฏว่า นายคานยังไม่มาพบพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

​คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของนายคาน อายุ 54 ปี เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ได้แก่

  1.  ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง” ตามมาตรา 12 ประกอบมาตรา 89 วรรคสอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562​
  2. ฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่ง ซากสัตว์ป่าสงวนหรือคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามมาตรา 17 ประกอบมาตรา 92 ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562​
  3. ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใด มี ใช้ ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาต” ตามมาตรา 7 และมาตรา 8

​คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดซากสัตว์ป่าสงวนและซากสัตว์ป่าคุ้มครองทั้งหมดและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิด พร้อมจัดทำบันทึกตรวจยึด และนำส่งของกลางทั้งหมดไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปากท่อ จังหวัดราชบุรี เพื่อติดตามตัวนายคานมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

​การปฏิบัติการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างจริงจัง เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าให้คงอยู่อย่างยั่งยืน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด