ด้วยความพิเศษของพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ พืชพรรณไม้ สัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งมีความหลากหลายของวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของชุมชนในท้องถิ่น โดยเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา องค์การ UNESCO ได้ประกาศให้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว รวมถึงพื้นที่บางส่วนของอำเภอเชียงดาว และอำเภอเวียงแหง เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลดอยเชียงดาว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มอบสำเนาใบประกาศพื้นที่สงวนชีวมณฑลดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับจากองค์การยูเนสโก ให้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อันเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จและความภาคภูมิใจจากการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เลือกพื้นที่สงวนชีวมณฑลดอยเชียงดาว เป็นพื้นที่นำร่องเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือเรียกสั้นๆ ว่า BCG โมเดล นำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลของมนุษย์กับธรรมชาติ ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประชาชนได้รับประโยชน์จากต้นทุนธรรมชาติ สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ มาสู่ชุมชน ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า การดูแลรักษาพื้นที่ดังกล่าวโดยประชาชนจนทำให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น และมีกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเหมาะสมที่จะมีการพัฒนาตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน
จากความร่วมมือร่วมใจ ของการทำงานร่วมกันของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงความอุดมสมบูรณ์ จนทำให้องค์การยูเนสโก ยอมรับ และประกาศให้พื้นที่สงวนชีวมณฑลดอยเชียงดาว นับเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งที่ 2 ของจังหวัดเชียงใหม่ แห่งแรกคือพื้นที่สงวนชีวมณฑลแม่สา-คอกม้า จากทั้งหมด 5 แห่งในประเทศไทย และ 738 แห่ง ทั่วโลก ถือเป็นความสำเร็จของการอยู่ร่วมกันของคนกับธรรมชาติได้อย่างสมดุลอย่างแท้จริง
ทีมข่าว DNPnews กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงาน