กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี 2568 อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “Save Wildlife, Secure Our Future : ธรรมชาติมีคุณค่า สัตว์ป่ามีชีวิต สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน” โดยมีนายนิพนธ์ จำนงค์สิริศักดิ์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ นายสุขี บุญสร้าง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นายสราวุธ อุเทนรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) นายณรงวิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว นายชัยณรงค์ ปั้นคง หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว นายภาณุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร คุณกฤษณา แก้วปลั่ง ผู้อำนวยการองค์การ Panthera ประเทศไทย นายสมศักดิ์ เกตุวัตถา อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพระ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ภาคีเครือข่ายด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า นักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่สนใจ เข้าร่วมงาน ณ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี
การจัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี 2568 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Save Wildlife, Secure Our Future : ธรรมชาติมีคุณค่า สัตว์ป่ามีชีวิต สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน” ถือเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ เยาวชน และประชาชน ได้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า เพื่อความสมดุลของระบบนิเวศ อันนำไปสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
สำหรับการจัดงานในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่การสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การเสวนาหัวข้อ “สัตว์ป่า โอกาส และความสมดุล” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองการจัดการสัตว์ป่าที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจชุมชน นิทรรศการด้านการอนุรักษ์ แสดงผลงานวิจัยและการทำงานของเจ้าหน้าที่ในภาคสนาม กิจกรรมสร้างจิตสำนึก เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนและประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีการมอบเสบียงอาหารแก่เครือข่ายเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานในครั้งนี้ด้วย
การจัดงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าในครั้งนี้ เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญในการตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ถือเป็นการวางรากฐานสู่อนาคต เนื่องจากหากเราคุ้มครองสัตว์ป่าได้ เราก็รักษาความสมดุลของธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ในโอกาสนี้ภายในงานมีการแถลงข่าวความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานฯ และองค์การแพนเทอรา (Panthera) ประเทศไทย ที่สามารถบันทึกภาพ “แมวป่าหัวแบน” (Flat-headed Cat) ได้อีกครั้งในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย หลังจากไม่มีรายงานการพบเห็นหรือบันทึกภาพได้เลยนานถึง 29 ปี
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เปิดเผยว่า “หลังจากการคุ้มครองพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี และดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่คาดว่าเป็นแหล่งอาศัย ซึ่งไม่สามารถบันทึกภาพได้นานถึงเกือบ 30 ปี การพบแมวป่าหัวแบนในภาคใต้ของประเทศไทยอีกครั้ง ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของงานอนุรักษ์ในประเทศและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การค้นพบสัตว์ที่เคยถูกมองว่าสูญหายไปจากภูมิภาค แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการปกป้องป่าพรุธรรมชาติ ที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่งแล้วในประเทศไทย”
ด้านนางสาวกฤษณา แก้วปลั่ง ผู้อำนวยการองค์การแพนเทอรา ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “หลังจากหายไปเกือบสามทศวรรษ การค้นพบครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และการคุ้มครองที่เข้มแข็งสามารถทำให้สิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นได้ ความสำเร็จนี้มาจากความทุ่มเทของกรมอุทยานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำและวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยที่อุดมสมบูรณ์ แต่กำลังถูกคุกคามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เราตั้งใจจะขยายงานวิจัยและเสริมมาตรการอนุรักษ์ในพื้นที่สำคัญเหล่านี้ต่อไป แมวป่าหัวแบนเป็นแมวป่าขนาดเล็กที่สุดชนิดหนึ่งในเอเชีย มีลักษณะพิเศษคือ ตีนเป็นพังผืดสำหรับจับสัตว์น้ำ ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างมากจากการสูญเสียถิ่นอาศัย การพบตัวในครั้งนี้ จะนำไปสู่การขยายงานวิจัยเพื่อวางแผนอนุรักษ์ ทั้งเรื่องพื้นที่หากินและประชากรอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”
แมวป่าหัวแบนมีชื่อเรียกตามลักษณะเด่นคือ ศีรษะและกะโหลกที่แบนยาว เป็นแมวป่าที่มีขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น้ำหนักน้อยกว่าแมวบ้านทั่วไปครึ่งหนึ่ง เชื่อว่ามีความใกล้ชิดกับแมวลายหินอ่อนและแมวดาว (leopard cat) มากที่สุด ลำตัวเรียวยาว ขาสั้น และหางสั้น ปลายเท้าเป็นพังผืดช่วยให้สามารถใช้ชีวิตในพื้นที่ลุ่มน้ำ ป่าพรุ และพื้นที่ชุ่มน้ำได้ดี ซึ่งเป็นถิ่นหากินที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำ.

