• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

กรมอุทยานฯ ร่วมงาน “วันสิ่งแวดล้อมไทยและวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ ประจำปี 2568” ภายใต้แนวคิด “When Nature Thrives, We All Survive : ธรรมชาติคืนชีวิตสู้วิกฤตภูมิอากาศ”

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มอบหมายให้ นางสาวแสงจันทร์ วายทุกข์ ผู้ตรวจราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยนางสุนีย์ ศักดิ์เสือ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน “วันสิ่งแวดล้อมไทยและวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ ประจำปี 2568” ซึ่งตรงกับวันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี ภายใต้แนวคิด “When Nature Thrives, We All Survive : ธรรมชาติคืนชีวิตสู้วิกฤตภูมิอากาศ” โดยมีผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เยาวชนและเครือข่ายสถานศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน เข้าร่วมกว่า 800 คน ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร

ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น
ประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมมอบถ้วยพระราชทานรางวัลเชิดชูเกียรติด้านสิ่งแวดล้อม รางวัล ทสม. เเละเครือข่าย ทสม. ดีเด่น ระดับประเทศ

ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นของวันสิ่งแวดล้อมไทยเมื่อปี 2534 ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงห่วงใย ต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทยและโลกที่รุนแรงขึ้น และถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้น้อมนำพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยมุ่งเน้นให้เครือข่ายภาคประชาชน เป็นกลไกส่งเสริมการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ไปสู่ระดับโลก ประกอบกับวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน มีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลางและ ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง และจากข้อมูล CRI 2026 โดย Germanwatch ระบุว่าในปี 2024 ที่ประเทศไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อยู่ในอันดับที่ 17 สะท้อนถึงความเปราะบางต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วอย่างชัดเจน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยกำหนดนโยบายรัฐบาลด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อ 12 เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงสูง และข้อ 13 ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ ประกาศให้ไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2050

ดร.ชญานันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรม ภายใต้แนวคิด “When Nature Thrives, We All Survive : ธรรมชาติคืนชีวิต สู้วิกฤตภูมิอากาศ” แสดงถึงการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน คือการพึ่งพาและฟื้นฟูธรรมชาติ โดยระบบนิเวศที่สมบูรณ์ จะทำหน้าที่เป็นคลังคาร์บอนธรรมชาติและเป็นเกราะป้องกันภัยพิบัติให้แก่ชุมชนและประเทศ การทำให้ธรรมชาติเจริญงอกงาม เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม และเป็นหลักประกันในการอยู่รอด อีกทั้ง เน้นย้ำว่า การลงมือทำของเครือข่าย ทสม. ในพื้นที่ การปรับตัวของชุมชนและโรงเรียน คือส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย Net Zero ในเวทีโลก รวมถึงความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ G-Green กับสถาบันการเงิน เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม และสุดท้าย “เนื่องในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมไทย ขอให้เป็นแรงบันดาลใจในการลงมือทำ เพื่อร่วมกันคืนชีวิตให้ธรรมชาติ และสร้างหลักประกันที่เราทุกคนจะอยู่รอดบนแผ่นดินไทยที่มั่นคงและยั่งยืน”

การจัดงานในครั้งนี้ โดยกรมการเปลี่ยนเเปลงสภาพภูมิอากาศเเละสิ่งเเวดล้อม นับเป็นการสร้างความตระหนักรู้และความร่วมมือในการฟื้นฟูธรรมชาติให้เกิดขึ้น เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนเเปลงสภาพภูมิอากาศ โดยภายในงานมีหน่วยงาน ทสม. เเละเครือข่าย ทสม. ที่ได้รับรางวัลดังนี้ 1) รางวัลชนะเลิศ ชุมชนคาร์บอนต่ำ ระดับประเทศ ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ ชุมชนบ้านหนองหิน จังหวัดขอนแก่น และชุมชนบ้านเขาแก้ว จังหวัดจันทบุรี 2) รางวัลชนะเลิศโรงเรียนคาร์บอนต่ำ ระดับประเทศ ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ โรงเรียนเทศบาลวัดชัยชุมพล จังหวัดนครศรีธรรมราช และโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดภูเก็ต 3) รางวัล ทสม. เเละเครือข่าย ทสม. ดีเด่น ระดับประเทศ จํานวน 14 รางวัล 4) โล่เกียรติคุณหน่วยงานร่วมสนับสนุนการดําเนินงานเพื่อเผยแพร่ผลการดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของประเทศไทย จำนวน 3 รางวัล นอกจากนี้ยังมีการเปิดเวทีนำเสนอสรุปผลการประชุม COP 30 “Belém Political Package” ซึ่งเป็นข้อตกลงล่าสุดระดับโลก การเสวนาในหัวข้อ “รวมพลังเครือข่าย สู้วิกฤตภูมิอากาศ สู่สังคมคาร์บอนต่ำ” เเละ “5 ประเด็นที่โลกกำลังจับตาใน COP 30 สู่การขับเคลื่อนในประเทศไทย รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการ และพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือด้านการสนับสนุนเชิงธุรกิจและการตลาดให้กับผู้ประกอบการ G-Green และสถาบันการเงิน จำนวน 9 แห่ง เพื่อเสริมกำลังทุกภาคส่วนเข้ากับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่ยั่งยืนต่อไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด