• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

กรมอุทยานฯ ทำ MOU กับ OR ปตท. พัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ สนับสนุนการปลูกกาแฟอย่างมีระบบ ส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้อย่างยั่งยืน

วันที่ 14 ธันวาคม 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความมั่นคงของราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ระหว่างบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ณ อาคาร C ชั้น 10 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ

นายอรรถพลฯ เปิดเผยว่า การส่งเสริมและสนับสนุนในครั้งนี้มีเป้าหมายให้ประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่อนุรักษ์ ตามมาตรา 64 พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมาตรา 121 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4.27 ล้านไร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ ชั้น 2 ประมาณ 1.98 ล้านไร่ จำนวน 612 ชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการปลูกป่า ดูแลป่า และอยู่ร่วมกับป่าแบบพึ่งพากัน เพิ่มความสมบูรณ์ เพิ่มพูนความหลากหลายทางชีวภาพ โดยจะสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรจากปัจจุบันในการปลูกพืชเชิงเดี่ยว สู่การสร้างป่าเชิงนิเวศ การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และระบบวนเกษตรอย่างยั่งยืน เสริมด้วยต้นกาแฟใต้ร่มไม้ป่า สร้างป่า สร้างพื้นที่สีเขียว ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ลดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ลดมลพิษทางอากาศ อีกทั้งลดการพึ่งพาสารเคมี ซึ่งความร่วมมือกับ OR ในครั้งนี้จะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ให้ประชาชนอยู่ได้ด้วยความมั่นคงสู่การเสริมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำผ่านการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน

นายดิษทัตฯเปิดเผยว่า ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายที่จะส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่อนุรักษ์ สร้างให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่อนุรักษ์ ตลอดจนสนับสนุนการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรในรูปแบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยวสู่การสร้างป่าเชิงนิเวศในพื้นที่ปลูกกาแฟดั้งเดิมและพื้นที่ที่ส่งเสริมการปลูกใหม่ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถือเป็นการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างสองฝ่ายที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ในด้านที่แตกต่างกันในการทำงานเพื่อการเกษตรและชุมชน โดย OR จะนำความเชี่ยวชาญในการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนการนำประโยชน์จากของเหลือไปใช้ในกระบวนการการแปรรูปกาแฟ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ให้สามารถปลูกกาแฟและผลิตกาแฟให้มีคุณภาพและยั่งยืน รวมทั้งยังเป็นตลาดรับซื้อผลผลิตการเกษตรด้วยราคาที่เป็นธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ OR ได้รับผลผลิตที่มีมาตรฐาน แต่ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตามแนวทาง SDG ในแบบของ OR ในด้าน “S” หรือ “Small” ที่มุ่งเน้นการให้โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ด้วยการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “Empowering All Toward Inclusive Growth” เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกันอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ระยะเวลาดำเนินการร่วมกันของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันลงนาม (14 ธ.ค.66) ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้ได้มีองค์ความรู้ใหม่ในการประกอบอาชีพ พัฒนาผลผลิตทางการเกษตรอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำต่อไปในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด