วันที่ 12 มิถุนายน 2565 นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) นายชัชวาล นามแสง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองหานกุมภวาปี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการลงพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองหานกุมภวาปี จ.อุดรธานี เพื่อตรวจติดตามการดำเนินงานรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานและสถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองหานกุมภวาปี และการดำเนินงานโครงการกำจัดวัชพืชหนองหาน ติดตามการดำเนินงานโครงการกำจัดวัชพืชโดยใช้เรือดูดโคลนสะเทินน้ำสะเทินบก โดยปลัดฯ จตุพร ไดเเน้นย้ำ การดำเนินงานต้องรอบคอบ รัดกุม คำนึงถึงระบบนิเวศเป็นสำคัญ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ณ บ้านเชียงแหว หมู่ที่ 2 ตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
ทั้งนี้ หนองหานกุมภวาปี มีพื้นที่ประมาณ 45 ตร.กม. (28,125 ไร่) อยู่ในเขตอำเภอกุมภวาปีเป็นส่วนใหญ่และบางส่วนอยู่ในเขตอำเภอประจักษ์ศิลปาคม เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภคของชาวบ้านที่อาศัยโดยรอบ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในจังหวัด ซึ่งพื้นที่ชุ่มน้ำหนองหานกุมภวาปี ถูกจัดให้อยู่ในประเภทพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ มีลักษณะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยพงหญ้าขึ้นแฉะ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ปัจจุบันแหล่งน้ำหนองหาน มีปัญหาดินตะกอนทับถม แหล่งน้ำตื้นเขิน และมีวัชพืชหนาแน่น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย กรมทรัพยากรน้ำ จึงได้ดำเนินโครงการกำจัดวัชพืชหนองหาน โดยใช้เรือดูดโคลนสะเทินน้ำสะเทินบก เพื่อช่วยรักษาระบบนิเวศทางน้ำ รักษาแหล่งผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตรของประชาชนในพื้นที่รอบหนองหานกุมภวาปี ซึ่งจะทำให้ครัวเรือนได้รับประโยชน์ 280 ครัวเรือน รวมถึงเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำแล้ง – น้ำท่วม ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรัดกุมและรอบด้าน ทั้งยังได้จัดเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำด้านการพัฒนา อนุรักษ์ ปรับปรุง ฟื้นฟู แหล่งน้ำสาธารณะ และกระจายน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝน สำหรับแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน