วันที่ 9 ตุลาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงฯ โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ดร.สุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายเจษฎา เงินทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ หลังจากขึ้นเฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบินสำรวจสภาพพื้นที่แม่น้ำกก เพื่อนำข้อมูลเข้าที่ประชุม หารือเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย
รองนายกฯ สุชาติ กล่าวว่า “รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำกกและบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นแหล่งน้ำสำคัญต่อการดำรงชีวิต และคุณภาพน้ำจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้ ผมจึงได้ขึ้น ฮ.สำรวจเส้นทางน้ำ เพื่อดูต้นทางการไหลของน้ำ และพิจารณาวิธีการที่ป้องกันและบรรเทามลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวางแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”
จากนั้น รองนายกฯ สุชาติ และคณะได้เดินทางมายัง ณ ศูนย์ฝึกอบรมที่ 4 (เชียงราย) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อตรวจเยี่ยมมอบเสบียงและถุงยังชีพเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ผู้ปฏิบัติภารกิจป้องกันและดับไฟป่า แก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ช่วงฤดูกาลที่จะมาถึง โดยได้กล่าวให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่มารับมอบของอีกด้วย
รองนายกฯ สุชาติ กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคน ให้ภูมิใจในสิ่งที่ทำและเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญในภารกิจการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย และภูมิใจในสิ่งที่ทำเพื่อประชาชน ทั้งนี้ หากสามารถช่วยเหลือการทำงานไม่ว่าด้านใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณหรือสวัสดิการที่ดีขึ้น จะพิจารณาเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าแม้จะเป็นช่วงที่ไม่มีภารกิจดับไฟป่า ยังมีภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย วาตภัยต่างๆ จึงขอให้ทำงานในหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจป้องกันและดับไฟป่า แก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ช่วงฤดูกาลที่จะมาถึง
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นละออง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน.
