26 ธันวาคม 2568 ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานความคืบหน้าการดูแลลูกช้างป่าเพศเมียพลัดหลงชื่อ “ข้าวต้ม” ระหว่างวันที่ 21-26 ธันวาคม 2568 โดยทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
สัตวแพทย์หญิงณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยว่า ลูกช้างป่าข้าวต้มมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถกินนมได้แล้ว แม้ว่าจะยังกินได้น้อยกว่าปริมาณที่สัตวแพทย์คำนวณไว้ ส่วนการขับถ่ายปัสสาวะเป็นปกติ ขณะที่อุจจาระยังคงมีลักษณะเหลวปนเนื้อครีม โดยมีเนื้อครีมเพิ่มมากขึ้นกว่าส่วนที่เป็นของเหลว แต่ยังพบเนื้อเยื่อลำไส้ลอกหลุดเล็กน้อยในบางช่วงเวลา นอกจากนี้ ยังตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติเล็กน้อยในบางช่วง แต่สภาพร่างกายโดยรวมยังคงแข็งแรงอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ทีมสัตวแพทย์นำโดยสัตวแพทย์หญิงณฐนน ร่วมกับสัตวแพทย์นภัส เสวกวรรณ จากกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ดำเนินการรักษาอย่างครอบคลุมทั้งการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ให้วิตามินบำรุงร่างกาย ยาบำรุงตับ ยารักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร ยาลดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และยาลดปวดเกร็งท้องเมื่อพบว่ามีอาการ รวมถึงให้แคลเซียมแบบกินโดยบดผสมกับวิตามินรวมและป้อนให้ ขณะเดียวกัน ทีมสัตวแพทย์ให้ความสำคัญกับการรักษาแผลและแผลกดทับบริเวณผิวหนังอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำความสะอาดแผล พ่นยารักษา ทายา และใช้เครื่องเลเซอร์บำบัดแผลเพื่อเร่งการหายของบาดแผล ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยา ทีมงานยังดูแลด้านกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ โดยนวดขาและยืดเหยียดขาหน้าเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้เครื่องยิงคลื่นอัลตร้าซาวน์เพื่อคลายกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ตึงตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ช่วยพยุงตัวลูกช้างพาเดินออกกำลังกายประมาณ 5-10 นาทีในแต่ละครั้ง และพลิกกลับตัวทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับเพิ่มเติม
สัตวแพทย์หญิงณฐนน กล่าวว่า อาการของลูกช้างป่าข้าวต้มยังคงต้องติดตามประเมินเป็นรายวัน โดยมีทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ร่วมกันดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกช้างป่าตัวน้อยจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดและฟื้นตัวอย่างเต็มที่
การช่วยเหลือลูกช้างป่าพลัดหลงข้าวต้มในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและการทุ่มเทของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังคงมีความมุ่งมั่นและการทุ่มเทในการอนุรักษ์และช่วยเหลือสัตว์ป่าทุกชีวิตที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อคืนโอกาสให้กับสัตว์ป่าที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าของประเทศไทย ต้องร่วมกันอนุรักษ์สืบไป.

