นางสาวชยาภร อามระดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีลูกช้างป่าพลัดหลงบริเวณรอยต่อระหว่างบ้านเขาไม้นวล หมู่ที่ 18 และบ้านโป่งสามสิบ หมู่ที่ 3 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก ว่า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 จากรายงานของผู้ใหญ่บ้านที่ชาวบ้านได้ยินเสียงและพบเห็นลูกช้างตัวเล็กพลัดหลงอยู่บริเวณชายป่าติดพื้นที่เกษตร คาดว่าถูกน้ำป่าพัดพรากจากโขลงขณะเกิดฝนตกหนัก
เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้เข้าตรวจสอบทันทีโดยใช้โดรนค้นหา แต่ในวันแรกยังไม่พบตัว จึงดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่องในวันที่ 6-8 พฤศจิกายน โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยพิทักษ์ป่าวังไผ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ พบว่าลูกช้างมีการเคลื่อนที่กลับเข้าไปในป่าลึก และมีรายงานจากพระวัดป่าหลวงปู่มั่นว่า พบลูกช้างปรากฏตัวบริเวณวัด ก่อนจะตื่นตกใจหนีเข้าป่าไปอีกครั้ง
▪️กระทั่งในวันที่ 9 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 16.40 น. ทีมเจ้าหน้าที่สามารถเข้าช่วยเหลือลูกช้างได้บริเวณท้ายไร่ในหมู่บ้านที่ 18 และประสานทีมสัตวแพทย์พร้อมเจ้าหน้าที่จากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งเข้าตรวจสุขภาพ พบว่าเป็น “ลูกช้างเพศเมีย” อายุราว 4-5 เดือน น้ำหนักประมาณ 80-100 กิโลกรัม มีสุขภาพแข็งแรงดี
เจ้าหน้าที่ได้ดูแลให้อาหารและป้อนนมทุก 2 ชั่วโมง พร้อมจัดทำคอกพักชั่วคราว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แม่ช้างและโขลงกล้าเข้ามารับลูก เจ้าหน้าที่จึงไม่เข้าใกล้ตัวลูกช้างมากเกินไป แต่เฝ้าระวังในระยะที่เหมาะสมและใช้โดรนตรวจจับความร้อนบินสำรวจรอบคอกตลอดคืน เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของโขลงช้างในบริเวณใกล้เคียง
▪️ต่อมาในเช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 06.28 น. เจ้าหน้าที่พบว่าลูกช้างได้ปีนออกจากคอกไปแล้ว การสำรวจโดยใช้โดรนตรวจจับความร้อนพบรอยตีนช้างแม่และลูกอยู่ใกล้กับคอกพัก จึงสันนิษฐานว่าแม่ช้างได้กลับมารับลูกเข้าโขลงแล้ว เจ้าหน้าที่จึงติดตามตรวจสอบร่องรอยต่อเนื่อง พร้อมวางกำลังตลอด 24 ชั่วโมง และประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านโดยรอบช่วยสังเกตแจ้งเหตุหากพบลูกช้างปรากฏตัว
▪️วันที่ 11 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนได้ตรวจสอบร่องรอยเพิ่มเติมตั้งแต่คอกช้างจนถึงสันมอมะค่า พบรอยตีนช้างป่าขนาดเล็กใกล้เคียงกับขนาดของลูกช้างที่พลัดหลง พร้อมทั้งพบร่องรอยของโขลงช้างขนาดใหญ่ในพื้นที่เดียวกันยืนยันความเป็นไปได้สูงว่าลูกช้างได้กลับเข้ารวมโขลงเรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งกล้อง CCTV บริเวณที่พบรอยตีน เพื่อติดตามข้อมูลและพฤติกรรมของโขลงช้างป่าอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดที่ 5 (กระทะแตก) เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวในพื้นที่ใกล้เคียง
▪️วันที่ 12 พฤศจิกายน การสำรวจด้วยโดรนตรวจจับความร้อนและการตรวจสอบภาพจากกล้อง CCTV ไม่พบลูกช้างหรือโขลงช้างกลับเข้ามาในบริเวณดังกล่าวอีก ขณะที่เจ้าหน้าที่จุดสกัดฯ ได้ลาดตระเวนตามแนวรั้วลวดหนามเพื่อค้นหาร่องรอยเพิ่มเติมและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะยังคงติดตามเฝ้าสังเกตพื้นที่โดยรอบเพื่อประเมินสถานการณ์และเก็บข้อมูลประกอบการจัดการช้างป่าในพื้นที่ต่อไป
ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจประชากรช้างป่าล่าสุดในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พบว่ามีช้างป่าอาศัยอยู่ประมาณ 300-400 ตัว โดยมีประมาณ 100 ตัวที่ออกมาหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ แบ่งเป็น 5 กลุ่มประชากรหลัก ได้แก่ กลุ่มพื้นที่ตำบลคอกควาย กลุ่มพื้นที่ตำบลแม่เปิน กลุ่มพื้นที่ตำบลระบำ กลุ่มพื้นที่ตำบลป่าอ้อ และกลุ่มพื้นที่ตำบลห้วยคตและตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี
จากการติดตามพบว่าช้างป่ามีการเคลื่อนย้ายตามฤดูกาลของผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งบางช่วงอาจส่งผลกระทบต่อพืชผลหรือทรัพย์สินของประชาชน จากการลาดตระเวนพบจุดเข้า-ออกของช้างป่าจำนวน 513 จุด แสดงให้เห็นแนวการเคลื่อนไหวและขอบเขตการใช้พื้นที่ของช้างป่าที่ชัดเจน
“การที่มีช้างป่าเพิ่มจำนวนและขยายพื้นที่หากินสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในกลุ่มป่าตะวันตกที่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชากรสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นและเริ่มกระจายไปยังพื้นที่ป่าแม่วงก์ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานต้องดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อให้การอยู่ร่วมกันระหว่างคนและช้างป่าเป็นไปอย่างสมดุล” ผู้อำนวยการฯ กล่าว
สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า สามารถแจ้งขอรับการช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายต่อเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่อยู่ใกล้พื้นที่เกิดเหตุ ตามระเบียบกรมฯ ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าจากงบกลาง พ.ศ. 2568 หรือแจ้งช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ได้ทางสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362.

