วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยฯพญาเสือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม เจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ และ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าท้ายหมู่บ้านหาดส้มป่อย หมู่ที่ 7 ต.แม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ หลังจากชุดสายตรวจส่วนกลาง อุทยานแห่งชาติขุนขาน ได้เดินลาดตะเวนเชิงคุณภาพในเขตอุทยานแห่งชาติขุนขาน พบร่องรอยการลักลอบทำไม้สัก กานให้ไม้สักยืนต้นตายจำนวนมาก
โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบกานต้นไม้สักบริเวณโคนโดยมีเจตนาให้ยืนต้นตาย มีระยะเวลาของการถูกกานทิ้งไว้มาแล้วเป็นเวลา 1-7 เดือน จำนวน 63 ต้น ความโตเฉลี่ย 96.9 เซนติเมตร ปริมาตร 23.87 ลูกบาตรเมตร และ ระยะเวลาถูกกานทิ้งไว้มาแล้วเป็นเวลา 1-3 ปี จำนวน 81 ต้น ความโตเฉลี่ย 83.2 เซนติเมตร ปริมาตร 21.192 ลูกบาตรเมตร และ ระยะเวลาถูกกานทิ้งไว้มาแล้วเป็นเวลา 4 – 10 ปี จำนวน 202 ต้น ความโตเฉลี่ย 94.4 เซนติเมตร ปริมาตร 80.177 ลูกบาตรเมตร รวมทั้งหมด 346 ต้น เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจวัดความโตของต้นไม้สักที่ถูกลักลอบกาน ถ่ายภาพ พร้อมจับพิกัดที่เกิดเหตุแต่ละต้น จัดทำบัญชีไม้ของกลางเพื่อประกอบการรวบรวมหลักฐานจัดทำบันทึกการตรวจสอบตรวจยึดแจ้งความกล่าวโทษ ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในสถานที่เกิดเหตุไม่พบผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด แต่เนื่องจากพื้นที่ที่ลักลอบกานไม้สักอยู่ห่างจากหมู่บ้านหาดส้มป่อย ระยะทางประมาณ 600 เมตร มีเส้นทางเข้าออกเพียงเส้นทางเดียว และมีข้อมูลจากสายลับแจ้งว่าการลักลอบกานไม้ดังกล่าว ทำเพื่อซ่อมหรือสร้างเรือนไม้สักขนาดใหญ่จำนวนหลายหลังในหมู่บ้านแต่ผู้นำชุมชนไม่เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงนำเรื่องราวเรียนนายอำเภอสะเมิงทราบ เพื่อให้ชี้แจงในที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 หากเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลพบว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด จะต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีการละเว้นทั้งทางอาญาและทางแพ่ง