วันที่ 5 ตุลาคม 2564 นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่เขตบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก เจ้าหน้าที่ตำรวจพลร่ม และเจ้าหน้าที่สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า(WCS) ประเทศไทย เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุตามที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้มีเหตุช้างป่าเข้ารื้อทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินของราษฎรหมู่ 5 บ้านเฉลิมพร ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยทราบว่าบ้านของ นางอาทิตยา ทองด้วง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ 1 บ้านเฉลิมพร ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตรวจสอบค่าพิกัดดาวเทียมจุดเกิดเหตุอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นร้านค้าอาหารตามสั่ง-ขายปลีกเครื่องดื่มและสินค้าเอนกประสงค์ พบความเสียหาย บานหน้าต่างตะแกรงเหล็กลวดกั้นบริเวณร้านพังชำรุด 3 บาน ตู้วางของบานกระจกแตกเสียหาย 1หลัง ข้าวสาร 3 กระสอบ เครื่องดื่มเป็นเหล้าขวดเล็ก 1 ลัง ขวดใหญ่ 2 ลัง สปาย 2 ลัง และน้ำอัดลมอีกบางส่วน แตกเสียหาย โดยอบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ได้ทำการประเมินมูลค่าความเสียหายและจะช่วยเหลือให้กับผู้เสียหายต่อไป
จากการสอบถามเจ้าของร้านผู้เห็นเหตุการณ์และได้รับความเสียหายทราบว่า ช้างป่าได้เข้าในช่วงกลางดึกเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 4 ต.ค. 2564 โดยช้างป่าได้เดินมาตามเส้นทางถนนด้านหน้าทางทิศใต้ของร้าน แล้วจึงเลี้ยวเข้าข้างบ้านพังบานหน้าต่างตะแกรงเหล็กลวดจนพังจากนั้นได้ล้วงรื้อค้นกินข้าวสาร และได้ทำตู้กระจกวางของล้มทำให้บานกระจกพร้อมเครื่องดื่มที่เป็นขวดแก้วบรรจุภัณฑ์แตกกระจายเสียหายเกลื่อนกลาดไปทั่ว ขณะเกิดเหตุชาวบ้านได้มีการจุดประทัดบอล ส่งเสียงเพื่อขับไล่ ผลักดันช้างป่า แต่ช้างป่าตัวดังกล่าวมีท่าทีดื้อไม่ตอบสนองต่อการขับไล่ ยังคงรื้อค้นหากินต่อเนื่องนานประมาณ 20 นาที ก่อนจะหิ้วเอาถุงกระสอบข้าวสารติดไปด้วย ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบร่องรอยช้างป่าเป็นช้างใหญ่มีงาเพศผู้ 1 ตัว คือ พลายบุญช่วย
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เขตบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 5 เข้าร่วมกับส่วนงานในพื้นที่ซึ่งเกี่ยวข้องปฏิบัติการช่วยเหลือซ่อมแซมบานหน้าต่างตะแกรงเหล็กลวดที่เสียหายให้กลับมาอยู่ในสภาพใช้การได้ดั่งเดิมเป็นการแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งกำชับชุดลาดตระเวนผลักดันช้างป่าคอยเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป