วันที่ 20 ตุลาคม 2568 นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) รายงานการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ตามข้อสั่งการของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ได้มอบหมายให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ดำเนินการตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง (หมู่บ้าน) ในการรองรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา
เนื่องจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียดและมีการปะทะด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่ ในหลายพื้นที่ มีการใช้อากาศยานไร้คนขับ UAV บินตรวจการณ์ และโดรน FPV อย่างหนาแน่น โดยฝ่ายไทยได้ควบคุมและสถาปนาความมั่นคงในหมุดหมายสำคัญและตรึงกำลังตลอดหน้าแนววางกำลัง
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) โดยศูนย์เฉพาะกิจประสานงานด้านความมั่นคงพื้นที่ป่าอนุรักษ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 6 แห่ง และหน่วยงานร่วมบูรณาการ จำนวน 20 หน่วยงาน ได้ดำเนินการสนับสนุนตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังและการปฏิบัติงานของหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ รับมอบ-ส่งมอบสิ่งของบริจาค เครื่องอุปโภค บริโภคจำเป็น กิจกรรมสันทนาการให้กับเด็กและเยาวชน อำนวยความสะดวกและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจอื่นๆ ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว 15 แห่ง
รวมถึงตรวจตราเฝ้าระวังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำหมู่บ้าน/ชุมชน ร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมสนับสนุนอาหาร เครื่องดื่มแก่เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย รวมทั้งอาหารสัตว์ จำนวน 31 หมู่บ้าน
โดยได้จัดเวรยามดูแลรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยงานในระดับพื้นที่ จำนวน 26 หน่วยงาน นอกจากนี้ ยังมีภารกิจในการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้งไว้ในหมู่บ้านดำเนินการช่วยเหลือดูแลให้อาหารสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านและชุมชน เช่น โค กระบือ สุนัข แมว สัตว์ปีก รวมถึงประสานจัดส่งเสบียงอาหาร สนับสนุนให้กับทหารแนวหน้า
นายพิชัย กล่าวย้ำว่า “กรมอุทยานฯ ปฏิบัติตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ทุกหน่วยงานประสานงานกันอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ”
