• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ทหาร​ KNU บุกทลายฐานสแกมเมอร์ พบ “เสือโคร่ง” ถูกกักขัง​ ส่งกลับไทย ด้าน “รองนายกฯ สุชาติ” สั่งขยายผลตรวจ DNA เกี่ยวขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ​หรือไม่ พร้อมสั่งดำเนินคดีถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ​ สัตว์ป่า​ และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าได้รับรายงานจาก​นายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เกี่ยวกับการรับมอบเสือโคร่งเพศเมียที่ถูกตรวจพบภายในฐานปฏิบัติการของกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ในพื้นที่ชายแดนประเทศเมียนมาร์​ โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แสดงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเสือโคร่งตัวนี้เป็นอย่างมาก กำชับให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ดูแลอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งการให้ยกระดับความเข้มงวดตามแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบค้าสัตว์ป่าที่อาจแฝงมากับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศ จึงได้สั่งการให้สัตวแพทย์เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจพิสูจน์ทางพันธุกรรม (DNA) อย่างละเอียด เพื่อระบุสายพันธุ์และที่มาว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติรายใหญ่หรือไม่

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.35 น. ของวันที่ 18 ธันวาคม 2568​ ทหารเคเอ็นยู (KNU) ได้นำลูกเสือโคร่งที่ตรวจยึดได้ระหว่างภารกิจปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ในฝั่งประเทศเมียนมา มาส่งมอบ ณ จุดตรวจ​ ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (หกพันไร่) อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี​ เพื่อส่งมอบให้มูลนิธิแห่งหนึ่ง​ จึงได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ

​จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบหลักฐานการครอบครอง นำเข้า หรือส่งออกที่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึด โดยมีความผิด​ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562​ ฐานครอบครองและนำเข้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ฐานนำเข้าสัตว์ป่าโดยไม่ผ่านการตรวจโรค​ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ฐานนำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิผ่านพิธีการศุลกากร ​โดยหัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าสังขละบุรีได้ดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เรียบร้อยแล้ว

นายราชันย์ บัวตรี ผอ.สบอ.3 เปิดเผยว่า​ คณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งภาพถ่าย พยานบุคคล และพฤติการณ์ในที่เกิดเหตุ เพื่อจัดทำบันทึกกล่าวโทษและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกคนอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ลักลอบนำเข้าจากฝั่งพม่า หรือบุคคลในมูลนิธิที่ทำหน้าที่ประสานงาน

​โดยความผิดที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย​ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17 (ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต) และมาตรา 23 (นำเข้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต) พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 (นำเข้าสัตว์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต) และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 242 (นำของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร)

​ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อนและมีองค์กรการกุศลเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมที่สุด เพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ออกหมายเรียกผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

สำหรับเสือโคร่งหลังเจ้าหน้าที่รับมอบตามบันทึกประจำวันสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ปจว.ข้อ 5 เวลา 21.00 น. ลงวันที่ 17 ธ.ค. 68 ส่งมอบศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าเป็นลูกเสือโคร่งเพศเมีย อายุประมาณ 4 เดือน น้ำหนัก 29 กิโลกรัม การตรวจสุขภาพภายนอก พบว่าเสือโคร่งมีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง สนใจสิ่งแวดล้อม มีความอยากอาหารตามปกติ จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างขนบริเวณลำตัว เพื่อส่งตรวจหาชนิดย่อยของเสือโคร่ง ไปยังศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการตรวจ 30-45 วัน​ จากนี้ประมาณ 3-5 วัน เมื่อเสือโคร่งมีความเครียดลดลง สัตวแพทย์จะเข้าทำการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อส่งตรวจโรคทางห้องปฏิบัติการต่อไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด