กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การฝึกยุทธวิธีสำหรับปฏิบัติงานด้านป้องกันและปราบปราม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569” ระหว่างวันที่ 8-14 ธันวาคม 2568 เพื่อยกระดับศักยภาพเจ้าหน้าที่ให้เท่าทันขบวนการลักลอบทำลายป่าและค้าสัตว์ป่าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น สอดรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุชาติ ชมกลิ่น ที่เน้นการปราบปรามอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาพื้นที่ป่าไม้ของชาติ
นายกิตติพงษ์ วรรณา ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ในฐานะประธานเปิดโครงการ เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ณ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) ตำบลบ้านกลาง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ว่า สถานการณ์การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกแผ้วถางยึดถือครอบครองพื้นที่ป่า และขบวนการล่าค้าสัตว์ป่า มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้กระทำความผิดพัฒนาเทคนิควิธีการใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถเจ้าหน้าที่ให้รู้เท่าทันและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานเข้มงวดในการป้องกันรักษาป่าและปราบปรามการกระทำความผิดให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อรักษาพื้นที่ป่าไม้ไว้ให้ได้มากที่สุด การปฏิบัติงานด้านป้องกัน ปราบปราม และลาดตระเวน เป็นภารกิจพื้นฐานที่สำคัญยิ่ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และทัศนคติที่ถูกต้องเหมาะสมในการปฏิบัติงาน” นายกิตติพงษ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ เมืองเจริญ ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม รายงานว่า โครงการนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรม 50 คน ประกอบด้วยพนักงานราชการและบุคคลภายนอกที่ปฏิบัติงานให้ส่วนราชการ โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนและกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์
หลักสูตรการฝึกมีระยะเวลา 7 วัน รวม 63 ชั่วโมง แบ่งเป็นภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ครอบคลุม 13 หัวข้อ ได้แก่ กฎหมายด้านป่าไม้, การเขียนบันทึกจับกุมและรวบรวมหลักฐาน, การใช้เทคโนโลยีในงานป้องกันและปราบปราม, การป้องกันอันตรายจากสัตว์ป่า, การกู้ชีพและปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อาวุธศึกษา, การยิงปืนทำนองรบ, การยิงปืนทราบระยะและการยิงปืนระยะประชิด, การปฏิบัติการลาดตระเวนทางยุทธวิธีและยุทธวิธีหน่วยรบขนาดเล็ก, การฝึกระเบียบวินัยและระเบียบแถว, การต่อสู้ด้วยมือเปล่า, ความปลอดภัยและรอดพ้นอันตรายของเจ้าหน้าที่ (OSS), การจัดการวัตถุต้องสงสัย, เทคนิคการใช้เงื่อนเชือก, การบูรณาการปิดล้อมและตรวจค้นสถานที่ และการปฏิบัติการลาดตระเวนทางยุทธวิธีในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
“โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้ความเข้าใจและทักษะเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพัฒนาทักษะและสมรรถนะที่จำเป็นด้านยุทธวิธีในการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปราม ตามภารกิจของกรมฯ และที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกจะสามารถถ่ายทอดความรู้และทักษะที่ได้รับไปยังบุคลากรในหน่วยงานต้นสังกัดได้อย่างถูกต้อง ทำให้เกิดการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานอย่างกว้างขวางและทั่วถึงในทุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ” นายวิสุทธิ์กล่าว.

