ใจกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ มีต้นไม้ต้นหนึ่งที่มิได้เป็นเพียงความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ แต่ยังเป็นศูนย์รวมแห่งความจงรักภักดี และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ในการอนุรักษ์ นั่นคือ “มเหสักข์” ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่
วันที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ : พระราชเสาวนีย์แห่งการอนุรักษ์
“ให้ช่วยกันบำรุงดูแลรักษาต้นสักใหญ่ ให้มีอายุยืนนานเท่าที่จะทำได้ “
พระราชดำรัสเพียงไม่กี่คำนี้ ได้กลายเป็น “พระราชปณิธานสีเขียว” ที่ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการดูแลป่าไม้มาจวบจนปัจจุบัน คณะกรรมการบำรุงรักษาได้รับการจัดตั้งขึ้นทันทีในปี 2541 เพื่อเฝ้าระวังและบำรุงรักษา “มเหสักข์” อย่างต่อเนื่อง ให้ต้นไม้อันล้ำค่านี้ยังคงเจริญเติบโตและแข็งแรงสมบูรณ์
ต่อมาในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552 ประวัติศาสตร์ของต้นสักใหญ่ได้รับการเติมเต็มด้วยพระมหากรุณาธิคุณอีกครั้ง เมื่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามอันเป็นมงคลยิ่งว่า “มเหสักข์” ซึ่งแปลว่า “เทวดาผู้ใหญ่” นามนี้สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ที่ต้นไม้ต้นนี้มีต่อผืนป่าและผืนแผ่นดินไทยอย่างแท้จริง
“สักสมเด็จ” การสืบทอดมรดกสีเขียว
ในบริเวณเดียวกัน ยังมีต้นสักอีกต้นที่มีความหมายพิเศษ คือต้น “สักสมเด็จ” ซึ่งพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงปลูกไว้ด้วยพระหัตถ์เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินในปี พ.ศ. 2541
ปัจจุบัน “สักสมเด็จ” ได้เจริญงอกงามเป็นอย่างดี เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของการสืบทอดมรดกแห่งความรักและความห่วงใยต่อธรรมชาติจากพระองค์ท่านสู่ป่าไม้และสิ่งแวดล้อม เป็นการยืนยันว่า “พระราชปณิธานสีเขียว” นี้จะถูกส่งต่อไปจากอดีตสู่อนาคต
ด้วยความยิ่งใหญ่ทั้งทางธรรมชาติและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ “มเหสักข์” จึงได้รับการยกย่องให้เป็น อันดับ 1 สุดยอดต้นไม้มหัศจรรย์ของไทย และเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าหนึ่งเดียวในโลก
“มเหสักข์” จึงมิใช่เพียงต้นไม้ในป่า หากแต่เป็นสัญลักษณ์ที่รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและสายใยผูกพันอันยิ่งใหญ่ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับผืนป่าและธรรมชาติของไทย เป็นมรดกแห่งการอนุรักษ์ที่จะคงอยู่ตราบชั่วนิรันดร์.


