เมื่อกาลเวลาผ่านไปกว่าหกทศวรรษ แต่ภาพแห่งความทรงจำในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 ยังคงตราตรึงอยู่ในดวงใจชาวไทย ที่ไม่มีวันสูญหาย
ณ วนอุทยานวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ในวันนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “สกุโณทยาน” ซึ่งแปลว่า “สวนนกหรือ ที่รื่นรมย์แห่งนก” สะท้อนถึงความหลากหลายของนกนานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
ในวันอันเป็นมงคลนั้น สายพระเนตรอันยาวไกลของทั้งสองพระองค์ได้ประทับลงบนผืนดิน ด้วยพระราชกรณียกิจที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ทรงปลูก “ต้นประดู่” ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงปลูก “ต้นพะยอม” ไว้เป็นพระราชานุสรณ์
สองต้นไม้เหล่านี้ไม่ใช่เพียงพืชพรรณธรรมดา แต่คือสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของพระราชปณิธานสีเขียว เป็นพยานแห่งพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ทั้งสองเจริญเติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ จากวนอุทยานสู่สวนรุกขชาติในปี พ.ศ. 2504 และพัฒนาเป็น “สวนพฤกษศาสตร์สกุโณทยาน” ในปี พ. ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน
สกุโณทยานในปัจจุบัน: ผืนป่าแห่งการเรียนรู้และอนุรักษ์
จากรอยพระบาทแห่งพระราชปณิธานเมื่อหกทศวรรษก่อน สวนพฤกษศาสตร์สกุโณทยาน ได้เจริญเติบโตเป็นแหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 790 ไร่ ภายใต้การดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้เป็นบ้านของพรรณไม้นานาชนิด ทั้งพันธุ์ไม้พื้นเมืองและพันธุ์ไม้หายาก มีทั้งไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม้ดอกไม้ประดับ และพืชสมุนไพร นอกจากนี้ ภายในสวนพฤกษศาสตร์มีประเภท สถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ น้ำตกสกุโณทยาน อันมีต้นกำเนิดมาจากลำน้ำเข็ก บริเวณทั่วไปร่มรื่นด้วยพรรณไม้ต่าง ๆ มีป้ายชื่อและลักษณะของต้นไม้กำกับไว้ มีพลับพลารับเสด็จ และศาลาวนาศัย สร้างขึ้นเมื่อครั้นรับเสด็จรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คราวเสด็จประพาสภาคเหนือ เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2501 และมีศาลาริมน้ำซึ่งใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรทิวทัศน์สองฝั่งลำน้ำวังทอง เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีสวนไม้วรรณคดี สวนสมุนไพร และสวนไม้หอม ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้และศึกษาพันธุ์พืชของชุมชนด้วย
ที่สำคัญยิ่ง สวนพฤกษศาสตร์สกุโณทยานยังคงรักษาไว้ซึ่งต้นประดู่และต้นพะยอมที่ทั้งสองพระองค์ทรงปลูกไว้เมื่อปี พ.ศ. 2501 ต้นไม้เหล่านี้เจริญเติบโตสูงใหญ่ เป็นสัญลักษณ์แห่งความยั่งยืนและเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ
พระราชปณิธานสีเขียวของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไม่ได้จำกัดเพียงการปลูกต้นไม้ในวันนั้น แต่ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของธรรมชาติ ทรงเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนกลายเป็นแบบอย่างที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
วันนี้ เมื่อเราเดินผ่านสวนพฤกษศาสตร์สกุโณทยาน เราไม่เพียงชื่นชมความงามของธรรมชาติ แต่ยังได้สัมผัสถึงรอยพระบาทแห่งรักและเมตตาที่พระองค์ทรงมอบให้แก่แผ่นดินไทย ต้นประดู่และต้นพะยอมที่ทรงปลูกไว้เมื่อ 67 ปีก่อน ยังคงเจริญเติบโตเป็นพยานประวัติศาสตร์ เตือนใจเราให้ดูแลรักษาผืนป่า ผืนดิน และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้
“สกุโณทยาน” จึงไม่ใช่เพียงสวนพฤกษศาสตร์แห่งหนึ่ง แต่คือห้องเรียนธรรมชาติ ที่เป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป เปิดโอกาสให้ได้ศึกษาวิจัยพันธุ์พืช เรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสัมผัสกับความงามของธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ สานต่อพระราชปณิธานสีเขียวที่พระองค์ทรงวางรากฐานไว้.

