16 พฤศจิกายน 2568 สถานการณ์ “ข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมีย ที่อยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หลังพบอาการป่วยหนักต่อเนื่อง
สัตวแพทย์หญิงณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และนายสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี รายงานความคืบหน้าการรักษาข้าวต้มตั้งแต่วันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2568 ว่า แม้น้องข้าวต้มจะยังคงดื่มนมและน้ำข้าวต้มได้ แต่ปริมาณที่กินได้ยังคงน้อยกว่าที่สัตวแพทย์คำนวณไว้มาก นอกจากนี้ ยังพบอาการท้องเสียอย่างต่อเนื่อง มีเยื่อเมือกลำไส้ลอกหลุดในบางช่วงเวลา

วันที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 13.00 น. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.สุภาเพ็ญ ศรีพิบูลย์ จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เดินทางมาตรวจอาการข้าวต้มเพิ่มเติม ด้วยการอัลตราซาวด์ละเอียด ซึ่งพบภาวะที่น่าเป็นห่วง 2 ประการคือ
1. ตับมีภาวะพังผืด (Hepatic Fibrosis) เป็นความผิดปกติของเนื้อเยื่อตับที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
2. หัวใจโตกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต
แม้สถานการณ์จะยังคงน่าเป็นห่วง แต่ทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ไม่ย่อท้อในการรักษาข้าวต้ม โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
✓ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและพยุงระดับน้ำตาลในเลือด
✓ ให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
✓ ให้ยาลดการเกิดแผลในทางเดินอาหาร เพื่อปกป้องระบบย่อยอาหาร
✓ ให้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน เสริมความแข็งแรงร่างกาย
✓ ให้ยาลดปวดเกร็งท้อง เมื่อพบอาการปวด
✓ รักษาแผลและแผลกดทับ ด้วยการทำความสะอาด พ่นยา เจาะดูดของเหลว และใช้เลเซอร์บำบัด
ทีมสัตวแพทย์ ระบุว่า ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่พบปัญหาอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการกินนมที่ยังน้อยกว่าปกติ ซึ่งจำเป็นต้องประเมินอาการวันต่อวันอย่างใกล้ชิด
ร่วมส่งกำลังใจให้ “น้องข้าวต้ม” ยอดนักสู้ และเป็นพลังสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่อดทน เสียสละ ขอให้ทุกท่านเข้มแข็ง มีพลังกายพลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้ลูกช้างน้อยตัวนี้กลับมาแข็งแรงในเร็ววัน.

