ขยายผล “ยุทธการล้างบางบ่วง” แก่งกระจาน พบรุกป่าสงวนฯ ยึดคืนเกือบ 10 ไร่

จากการขยายผล “ยุทธการล้างบางบ่วง” ของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่เดิมมุ่งสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดติดตั้งกับดักช้าง ล่าสุดได้นำไปสู่การตรวจพบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มเติม โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่บุกรุกเพื่อทำเกษตรกรรมจำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวม 9 ไร่ 3 งาน 51 ตารางวา พร้อมเดินหน้าดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากปฏิบัติการ “ยุทธการล้างบางบ่วง” ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบกับดักช้าง (แผ่นไม้ตอกตะปู) จำนวนมาก และได้สืบสวนจนสามารถระบุตัวและแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในข้อหาล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามมาตรา 12 ประกอบมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำโดย นายฉลอง ทองสงฆ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเขตบริหารจัดการที่ 4 ได้ร่วมกับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ชุดเฉพาะกิจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้นำชุมชน เข้าตรวจสอบและขยายผลในสถานที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าบริเวณขอบแปลงของพื้นที่ที่เกิดเหตุมีการแผ้วถาง ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงได้มีการบันทึกค่าพิกัดดาวเทียมไว้ เพื่อนำไปตรวจสอบกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ว่ามีการบุกรุกเพิ่มเติมจากพื้นที่ทำกินเดิมที่ได้รับอนุญาตหรือไม่

ในวันนี้ (28 ตุลาคม 2568) นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายฉลอง ทองสงฆ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ และนายคณิน ทองก้อน ปลัดอำเภอแก่งกระจาน ได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พบ.1 (ยางชุม) และเจ้าหน้าที่ส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง ผลการตรวจสอบปรากฏว่า มีการบุกรุกพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรมเพิ่มเติมจากขอบเขตที่ได้รับอนุญาตตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้ คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันตรวจยึดพื้นที่บุกรุกดังกล่าว จำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวม 9-3-51 ไร่ พร้อมจัดทำบันทึกตรวจยึด และหลักฐานทั้งหมด เพื่อแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนต่อไป เพื่อรักษาและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่

การจับกุมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และเจ้าหน้าที่ชุด Smart Patrol ในการพิทักษ์ผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเข้มงวด โดยรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทส. ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและป้องกันการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง.