เนื่องในวาระอันเป็นมงคลยิ่งของวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอน้อมนำเสนอพระราชดำริเกี่ยวกับสัตว์ป่า เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงมีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าของประเทศไทย โดยเฉพาะผ่านโครงการอันทรงคุณค่าแห่งสวนสัตว์ธรรมชาติภูเขียว
- จุดเริ่มต้นแห่งวิสัยทัศน์อันสูงส่ง
ในปี พ.ศ. 2525 เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์ผ่านป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ทรงทอดพระเนตรเห็นความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล จึงทรงมีพระราชดำริร่วมกันว่า บริเวณดังกล่าวเหมาะสมที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมของแหล่งที่อยู่อาศัยอันถาวรของสัตว์ป่าทั้งหลาย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีปณิธานสูงส่งที่จะพัฒนาภูเขียวให้เป็นสวนสัตว์ธรรมชาติ เป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ป่าทุกชนิดให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ปลอดภัยจากการล่าของมนุษย์ ไม่มีอะไรมากักขัง มีอิสรภาพในพื้นที่อันกว้างใหญ่แห่งนี้ อันเป็นแนวคิดแห่งการอนุรักษ์ที่ทรงก้าวหน้าและยั่งยืน
- การศึกษาภาคสนามด้วยพระองค์เอง
พระองค์ทรงซักถามอดีตพรานถึงวิธีการล่า เส้นทาง แหล่งที่ล่า และถิ่นอาศัยของสัตว์ต่างๆ ด้วยทรงเห็นว่า งานสวนสัตว์ธรรมชาติภูเขียวจะสำเร็จได้นั้น พรานนักล่าต้องยุติการล่าและสร้างจิตสำนึกให้เขารักในผืนป่าเพื่อส่งต่อความสมบูรณ์นี้ไปให้ถึงลูกหลานของเขาก่อน การทรงงานในครั้งนั้นสะท้อนให้เห็นถึงพระปรีชาญาณและความเข้าใจลึกซึ้งในธรรมชาติของระบบนิเวศ
- วันอิสรภาพของสัตว์ป่าไทย – ก้าวสำคัญแห่งการอนุรักษ์
จากพระราชดำริอันสูงส่งดังกล่าว จึงเป็นต้นกำเนิดของ “โครงการวันอิสรภาพของสัตว์ป่าไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสวนสัตว์ธรรมชาติภูเขียว เพื่อสนองแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ถือเป็นวันสำคัญที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของการอนุรักษ์ธรรมชาติของประเทศไทย เมื่อมีพิธีเปิดโครงการฯ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะนั้นดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เป็นองค์ประธานในพิธีเปิด
ในวันสำคัญนั้น สัตว์ป่าหลากหลายชนิดได้กลับคืนสู่ป่าธรรมชาติอันเป็นบ้านอย่างแท้จริง ได้แก่ กวาง เก้ง เนื้อทราย ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ฟ้าหลังขาว ไก่ป่า นกยูง และนกชนิดอื่นๆ รวมกว่า 254 ตัว การกระทำในครั้งนั้นไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของการมอบอิสรภาพให้แก่สัตว์ป่า แต่ยังเป็นการจุดประกายความหวังในการฟื้นฟูระบบนิเวศของประเทศไทยให้กลับคืนมาอีกครั้ง
- ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ
โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่าโครงการแรกๆ ของประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนื้อทราย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่เคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติของไทย แต่ด้วยพระบารมีและพระราชดำริอันชาญฉลาด เนื้อทรายจึงได้กลับมามีชีวิตอย่างอิสระอีกครั้งในป่าธรรมชาติของเมืองไทย สร้างความภาคภูมิใจอย่างยิ่งให้กับนักอนุรักษ์และคนไทยทุกคน
- พระราชดำรัสอันทรงคุณค่า
พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สะท้อนผ่านพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าที่ตรัส
“ข้าพเจ้ามีความภูมิใจในทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทยมาก ข้าพเจ้าเห็นว่า เราควรจะใช้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้อย่างระมัดระวัง และทะนุบำรุงให้คงอยู่ตลอดไป ทรัพยากรธรรมชาตินับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติและเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ สมควรที่เราทั้งหลายจะช่วยกันรักษาไว้ให้คงเป็นประโยชน์สืบชั่วลูกชั่วหลาน”
พระราชดำรัสนี้ เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ช่วยให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญและความรับผิดชอบในการปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อส่งต่อให้ลูกหลานในอนาคต
- การสืบสานพระราชดำริ
ในปัจจุบัน สวนสัตว์ธรรมชาติภูเขียว ตั้งอยู่ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เปิดให้ประชาชนเยี่ยมชมทุกวันในเวลา 08.30-16.00 น. ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในการอนุรักษ์และเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ
ในโอกาสวันเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568 อันเป็นมงคลยิ่งนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมน้อมนำแนวพระราชดำริในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า มาดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นในการสืบสานพระราชดำริเพื่อให้การอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่าของประเทศไทยยั่งยืนตลอดไป.