• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

“รมว.เฉลิมชัย” ส่งอธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่เติมกำลังใจเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าชายแดนกัมพูชา พร้อมเดินหน้าสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงดูแลช่วยเหลือพื้นที่แนวหลังให้ปลอดภัย

วันที่ 9 สิงหาคม 2568 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เดินทางลงพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ซึ่งเป็นพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

การลงพื้นที่ครั้งนี้ นายอรรถพลได้แสดงความห่วงใยและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี โดยได้มอบสิ่งของเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์กีฬาจากสหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ให้แก่โรงเรียนบ้านแชรสะโบว ตำบลดงรัก อำเภอภูสิงห์ ภายใต้แนวคิด “ถึงจะอยู่ศูนย์พักพิง ก็ไม่ทิ้งกีฬา” เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในพื้นที่

นอกจากนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังได้เข้ารับฟังการสรุปสถานการณ์ความไม่สงบจาก พันเอก เอนก พรหมทา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี และรับฟังการบรรยายสรุปจาก นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ได้รายงานถึงมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ป่า ตามแนวทางของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมอุทยานแห่งชาติฯ จากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ในมาตรการระยะเร่งด่วน มุ่งเน้นการช่วยเหลือเยียวยาเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับผลกระทบ สนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น ปืน เสื้อเกราะ เครื่องตรวจกับระเบิด รวมถึงการบูรณะซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่เสียหาย และประสานงานเร่งด่วนเพื่อเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่ปฏิบัติงาน และมาตรการระยะต่อไป เน้นการปรับปรุงเส้นทางตรวจการณ์ บูรณาการเจ้าหน้าที่เพื่อลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยง จัดตั้งจุดตรวจ/หน่วยพิทักษ์ป่าชายแดนเพิ่มเติมภายใต้แนวคิด “พิทักษ์แผ่นดินและผืนป่า” สนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จัดทำประกันชีวิตและค่าตอบแทนพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง กำหนดแนวเขตป่าอนุรักษ์ พัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคง และกำหนดพื้นที่ปลอดภัยจากวัตถุระเบิด พร้อมให้หัวหน้าหน่วยงานที่มีพื้นที่ติดชายแดนกัมพูชา ทั้ง 6 หน่วยงาน โดยเป็นอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์พืชสัตว์ป่า 4 แห่ง นำเสนอผลการดำเนินงานในสถานการณ์ที่ผ่านมาและความต้องการรับการสนับสนุนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปฎิบัติการต่อไป

อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เน้นย้ำถึงนโยบายที่สำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ที่ระบุว่า หลังจากเหตุการณ์สงบแล้ว ให้ทุกหน่วยงานเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยทุกหน่วยงานต้องจัดทำข้อมูลพื้นฐานของทุกชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบ และมอบหมายเจ้าหน้าที่ให้ดูแลครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ พร้อมมอบนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการปฏิบัติงาน ดังนี้ การถ่ายทอดแนวเขตอนุรักษ์ชายแดน ให้ยึดแผนที่ของกรมแผนที่ทหารเป็นหลัก การพัฒนาอาชีพและโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่ ม.64 ม.121 ให้มีการพัฒนาอาชีพและโครงสร้างพื้นฐานให้ประชาชน โดยให้หัวหน้าและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อนุรักษ์ เป็นทั้งนักพัฒนาและนักอนุรักษ์ควบคู่กันไป การจัดตั้งหน่วยพิทักษ์ชายแดน ให้เตรียมความพร้อมตามแบบ ปร.4 ปร.5 และขอสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานมาพร้อมกัน เช่น การติดตั้งเสาวิทยุสื่อสาร, เครื่อง GPS, เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด, Drone, และเครื่องมือป้องกัน Drone และการสร้างหลุมหลบภัย โดยยึดแบบแปลนมาตรฐานของทหาร

ในการนี้ อธิบดีฯ ยังได้นำความห่วงใยจาก รมว.ทส. มามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกคน พร้อมกล่าวขอบคุณทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง อดทน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ กรมอุทยานฯ พร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกคนอย่างเต็มที่ โดยก่อนเดินทางกลับ อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ร่วมปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึก ณ จุดสกัดมังจา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยพบการลักลอบตัดไม้พะยูงมากที่สุดในประเทศ เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องผืนป่าอย่างยั่งยืน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด