22 มิถุนายน 2568 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ออส.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงพัฒนาเส้นทางลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า รวมถึงเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติฯ และฝ่ายความมั่นคง ณ อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โดยมี พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) พร้อมด้วยหัวหน้าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่มีแนวเขตติดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ และผู้บริหารจากกรมอุทยานฯ เข้าร่วมประชุม ซึ่งการประชุมมุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระยะทาง 324 กิโลเมตร ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่
จากการประชุมได้ข้อสรุปที่สำคัญ 4 ประการ เพื่อสนับสนุนภารกิจฝ่ายความมั่งคง ดังนี้ 1. กรมอุทยานฯ จะผนึกกำลังฝ่ายความมั่นคง คุ้มครองป่าแนวชายแดนภายใต้กฎอัยการศึก โดยในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (สบอ.9) ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การประกาศใช้กฎอัยการศึก หน่วยงานป่าอนุรักษ์ทั้ง 6 แห่ง ซึ่งได้รับมอบหมายให้สนับสนุนภารกิจของฝ่ายความมั่นคงในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลาดตระเวนร่วมเพื่อป้องกันและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และสัตว์ป่า พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงอย่างใกล้ชิด 2. แผนปรับปรุงเส้นทางลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อความมั่นคงและการฟื้นฟูป่าอนุรักษ์ โดยฝ่ายความมั่นคงได้วางแผนดำเนินการ ปรับปรุงเส้นทางลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของประเทศ และป้องกันทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในแผนการดำเนินงานดังกล่าว 3. ยึดแนวเขตประเทศตามฝ่ายความมั่นคง กำหนดขอบเขตป่าอนุรักษ์ชายแดน โดยที่ประชุมหารือเกี่ยวกับขอบเขตป่าอนุรักษ์ตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มีการเน้นย้ำให้ หน่วยงานของป่าอนุรักษ์ที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ยึดถือการปฏิบัติตามเส้นแนวเขตประเทศของฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และ 4. เร่งของบฯ สนับสนุนยุทโธปกรณ์ทันสมัย สนับสนุนภารกิจของหน่วยงานป่าอนุรักษ์และฝ่ายความมั่นคงให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยให้เร่งรัดจัดทำคำของบประมาณเพื่อจัดหาอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงอากาศยานไร้คนขับ (Drone) อุปกรณ์ตรวจค้น/ค้นหาวัตถุระเบิด รถยนต์ วิทยุสื่อสาร และน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานตามแนวชายแดนให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
โอกาสนี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังได้ตรวจเยี่ยมและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ป่าอนุรักษ์และฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการให้ความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกหน่วยงานและเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป.