• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ทลายพรานแก่งกระจาน! ยึดซากกระทิง อาวุธสงคราม เพียบ! พบเงื่อนงำขบวนการใหญ่ อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยว

31 มีนาคม 2568 นายนพพร ประทุมเหง่า ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า​ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานสนธิกำลังบุกตรวจค้นพื้นที่ป่าหุบป่ากล้วย บ้านแม่คะเมย แก่งกระจาน หลังได้รับแจ้งเบาะแสการล่ากระทิง พบของกลางเพียบ ทั้งซากสัตว์ป่าหายาก อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนจำนวนมากโดยเข้าตรวจสอบพื้นที่ 3 แปลงที่ดินต้องสงสัย พบผู้ต้องหา 2 ราย

 

นายมงคล​ ไชยภักดี​ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน​ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจส่วนกลาง เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอแก่งกระจาน นำโดยนายคณิน ทองก้อน ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน นำโดยว่าที่ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ไม้จันทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภาค 7 นำโดย พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ อ่อนละออ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ7 และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. นำโดย ร.ท.ท.อรุณ ยังผล และ ร.ต.ท.ศุภกิต เมฆหมอก เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ นำโดย ร.ท.ภัทรวรรธน์ คงมั่น ผู้บังคับหมวดลาดตระเวนที่ 1 ได้บุกตรวจค้นพื้นที่บริเวณป่าหุบป่ากล้วย บ้านแม่คะเมย ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

 

ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากได้รับแจ้งจากผู้หวังดีที่ประสงค์เงินรางวัลนำจับว่า มีการล่ากระทิงออกมาขายจำนวน 2 ตัว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2568 ที่บริเวณป่าหุบป่ากล้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันวางแผนเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ โดยเก็บข้อมูลเป็นความลับ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้เข้าตรวจค้นแปลงมาตรา 64 โดยอาศัยอำนาจหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 จำนวน 3 แปลง

 

 

– ผลการตรวจค้นแปลงที่ 1 ซึ่งเป็นที่ดินของนายบุญล้อม (สงวนนามสกุล)​ พบชายผู้ต้องสงสัยคือ นายธวัชชัย (สงวนนามสกุล)​ บุตรชายของนายบุญล้อมฯ ให้ข้อมูลว่าตนไม่ใช่คนเที่ยวป่าล่าสัตว์ แต่ในที่ดินของตนมีคนกรุงเทพฯ มาสร้างบ้านอยู่อาศัยเป็นครั้งคราวอีก 2 หลัง คือ หลังที่ 1 บ้านเลขที่ 293 ม.5 มีนายสัจจา เป็นทนายความเป็นผู้ใช้บ้าน และหลังที่ 2 ให้นายเน็ค หรือนายสาธิต (สงวนนามสกุล)​ อยู่แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งทำงานอยู่การประปานครหลวง เข้ามาเช่าและใช้พื้นที่ต่อ โดยขณะตรวจสอบพบนายสุพจน์ เป็นคนงานกรีดยางของนายสาธิตฯ

เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบของกลางในแปลงที่ 1 ประกอบด้วย อาวุธปืน M16 A-1 พร้อมแม็กกาซีน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน M16 จำนวน 51 นัด เครื่องกระสุนปืน .22 แม็กนั่ม จำนวน 89 นัด เครื่องกระสุนปืน .22 LR จำนวน 337 นัด แม็กกาซีนปืน .22 พร้อมเครื่องกระสุน 1 นัด เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 66 นัด เครื่องกระสุนปืนลูกซองชนิดลูกร้อย 2 นัด เครื่องกระสุนปืนลูกซองชนิดลูกเดี่ยว 1 นัด เครื่องกระสุนปืนลูกซองชนิดตะกั่ว 1 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 1 ปลอก ลูกตะกั่วขนาด 0.75 x 0.75 มม. 39 ลูก ลูกตะกั่วขนาด 0.6 x 0.6 มม. 65 ลูก ปลอกกระสุนปืน .22 จำนวน 1 ปลอก กล่องกระสุนปืนลูกซอง 4 กล่อง กล่องกระสุนปืน .22 จำนวน 11 กล่อง กระบอกเก็บเสียง 1 กระบอก มีดพก 5 เล่ม สลิงกับดักสัตว์ 14 เส้น กรงดักสัตว์ 3 กรง กับดักสัตว์ 10 อัน แป้นเหยียบขนาด 9 นิ้ว 4 อัน บ่วงลวดสลิงแบบลวดคู่ 3 เส้น กระเป๋าคาดเอว 1 ใบ มุ้งพลางตัว 1 ผืน กล่องพัสดุพร้อมชื่อผู้รับ-ผู้ส่ง 1 กล่อง และเนื้อไม่ทราบชนิด 1.2 กิโลกรัม

 

– การตรวจค้นแปลงที่ 2 ซึ่งเป็นที่ดินของนายไพทูรย์ (สงวนนามสกุล)​ พบผู้กระทำผิด 1 ราย คือ นายมณเทียร (สงวนนามสกุล)​ อายุ 47 ปี อยู่หมู่ที่ 1 ตำบลตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นผู้เช่าบ้านต่อจากจ่าดำอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่พบของกลางประกอบด้วย อาวุธปืนยาว .22 LR พร้อมติดลำกล้อง 1 กระบอก อาวุธปืนยาว .22 แม็กนั่ม (อยู่ในสภาพถอดล้าง) 1 กระบอก เครื่องกระสุน .22 LR รวม 115 นัด แมกกาซีนอาวุธปืนยาว .22 LR 3 อัน (อันที่ 1 มีกระสุนบรรจุ 7 นัด อันที่ 2 กระสุนบรรจุ 5 นัด อันที่ 3 ไม่มีกระสุนบรรจุ) พันท้ายอาวุธปืนยาว .22 LR 1 อัน ปืนลูกดอก 1 กระบอก ลำกล้องปืนลดเสียง 1 อัน กล้องส่องกลางคืน 1 อัน เข็มทิศ 1 อัน มีดพก 1 อัน อุปกรณ์เป่าล่อไก่ 1 ชุด คึงต่อไก่ 2 ชุด บ่วงสลิงดักสัตว์ 6 เส้น กระเป๋าคาดเอว 1 อัน ไฟฉายคาดหัว 1 อัน

นอกจากนี้ ยังพบซากสัตว์ป่าหลายชนิด ได้แก่ ซากหัวเก้ง 1 ซาก ซากหัวหมูป่า 1 ซาก เขี้ยวหมูป่า 1 เขี้ยว กระดองเต่าหก 1 กระดอง ซากอีเห็น 2 กิโลกรัม ซากกระรอก 1 ตัว น้ำหนัก 0.2 กิโลกรัม ซากไก่ป่า 1 ตัว น้ำหนัก 0.8 กิโลกรัม และที่สำคัญยังพบยาบ้า 14 เม็ด

– ส่วนแปลงที่ 3 ซึ่งเป็นที่ดินของนายวิโรจน์ (สงวนนามสกุล)​ โดยมีนายสุพจน์ สายนาค (เป็นหลาน) นำตรวจค้น พบของกลางประกอบด้วย อาวุธปืนลูกซองห้านัดยี่ห้อวินเซตเตอร์ 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 6 นัด และกระสุนปืน .22LR จำนวน 2 นัด

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิดในความผิดหลายฐาน ได้แก่

1.พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐาน

– มาตรา 19 (3) ล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ

– มาตรา 19 (6) เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์

– มาตรา 19 (7) นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไป

– มาตรา 20 บุคคลซึ่งเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่

– ไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการอยู่อาศัยหรือทำกินตามโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ เพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระ พ.ศ. 2567

2. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐาน

– มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง

– มาตรา 17 ฐาน ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครอบครองซึ่ง สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

3. พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธ พ.ศ. 2490 ฐาน

– มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

4. พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

 

เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานส่งต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

การปฏิบัติการครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการปราบปรามการลักลอบล่าสัตว์ป่าและการกระทำผิดกฎหมายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศและเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด โดยเฉพาะกระทิง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ถูกคุกคามอย่างหนัก การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จในการสกัดกั้นขบวนการลักลอบล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ที่มีอุปกรณ์ล่าสัตว์และอาวุธปืนพร้อมสรรพ ตามนโยบายของ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ​ สัตว์ป่า​ และพันธุ์พืช​ ในการป้องกันปราบปรามการลักลอบลักลอบการล่าสัตว์ป่า​และให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด