ป่าดิบชื้นแหล่งต้นน้ำของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี กำลังเผชิญวิกฤติร้ายแรง หลังพบว่าพื้นที่ป่าถูกไฟไหม้เพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้ไม้ยืนต้นจำนวนมากยืนต้นตายและโค่นล้ม แม้ธรรมชาติจะฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ปัญหาการบุกรุกและจุดไฟเผาป่าอย่างต่อเนื่องกำลังทำลายระบบนิเวศของผืนป่าแห่งนี้อย่างรุนแรง
จากข้อมูลสถิติพื้นที่ป่าถูกไฟไหม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีแนวโน้มน่าเป็นห่วง โดยในปี 2566 มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ 261,331 ไร่ ปี 2567 จำนวน 177,825 ไร่ และในปี 2568 (ข้อมูลถึง 7 มีนาคม 2568) มีพื้นที่ถูกไฟไหม้แล้ว 162,174.23 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูไฟป่า
- เบื้องหลังการเผาป่า : เพื่ออะไรกันแน่?
3. การเก็บหาของป่าเพื่อการค้า เช่น รังผึ้งป่า ผักหวานป่า และเห็ดเผาะ ซึ่งมีความเชื่อว่าการจุดไฟจะทำให้หาของป่าเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
เจ้าหน้าที่ยังพบว่า มีการลักลอบขนไม้ไผ่ออกจากป่าในช่วงกลางคืน บริเวณถนนหลวงชนบท 3199 ซึ่งผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระไปยังอุทยานแห่งชาติเอราวัณ และพบกองไม้รวกที่ถูกตัดอยู่ใกล้แนวไฟอยู่เสมอ สะท้อนให้เห็นว่า การจุดไฟในบางครั้งมีเป้าหมายเพื่อเข้าไปลักลอบตัดไม้โดยตรง
- ผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิต
ผลจากไฟป่าที่เกิดขึ้นซ้ำซากทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง จากป่าดิบชื้นกลายเป็นป่าเต็งรัง ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่เป็นแมกไม้แทบสูญพันธุ์ไปจากบริเวณที่ถูกไฟไหม้ เหลือเพียงกอไผ่โทรมๆ ที่ถูกทั้งคนและสัตว์ป่าเข้ามาใช้ประโยชน์ ป่าสมบูรณ์ของสลักพระเหลือเพียงตอนกลางค่อนไปทางเหนือของทุ่งสลักพระเท่านั้น ความเสื่อมโทรมของป่ายังส่งผลให้แหล่งน้ำลำธารเหือดแห้ง ทำให้ช้างป่าต้องอพยพออกจากป่าไปอาศัยอยู่ยังแหล่งน้ำรอบพื้นที่ ซึ่งมักเป็นพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน จึงเกิดปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ ทำร้ายคนและทำลายพืชผลการเกษตร
- สถานการณ์ล่าสุดและความเร่งด่วน
สถิติจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ป่าสลักพระแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 มี 1,285 จุด ปี 2567 มี 847 จุด และปี 2568 มีแล้ว 839 จุด ซึ่งหากไม่มีการควบคุมไฟป่าอย่างเข้มงวด คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
- ประเด็นทางกฎหมายและความยั่งยืน
ขณะนี้พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระยังไม่ได้ดำเนินการตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งต้องกำหนดชนิดพันธุ์ของป่าที่เกิดขึ้นทดแทนได้เพื่อให้ประชาชนสามารถเก็บหาใช้ได้ตามครัวเรือน ดังนั้น การเข้าไปเก็บหาของป่าในปัจจุบันจึงถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการตัดไม้ไผ่เพื่อการค้า