วันที่ 17 มกราคม 2568 เวลา 08.30 น.กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น “โครงการประชุมชี้แจงสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาช้างป่า และรับฟังความคิดเห็นการควบคุมกำเนิดช้างป่า” โดยมีผู้เข้าประชุม จำนวน 300 คน ประกอบด้วย ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่ารอบพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 137 คน ตัวแทนนักวิชาการ จำนวน 40 คน ตัวแทนกลุ่มคนรักษ์ช้าง จำนวน 50 คน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน รวมทั้งมาตรการเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 23 คน และสื่อมวลชน จำนวน 50 คน ณ ห้องประชุมถนอม เปรมรัศมี ชั้น 4 สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า สำหรับการจัดประชุมชี้แจงสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาช้างป่า และรับฟังความคิดเห็นการควบคุมกำเนิดช้างป่า ครั้งนี้ เนื่องจากความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่าและสัตว์ป่า ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีช้างป่าที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติราว 4,013 – 4,422 ตัว ใน 16 กลุ่มป่า เป็นพื้นที่อนุรักษ์ 91 แห่ง สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่ารุนแรงมาก 5 กลุ่มป่า คือ กลุ่มป่าตะวันตก กลุ่มป่าตะวันออก กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ กลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว และกลุ่มป่าแก่งกระจาน ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างเกิดขึ้นในพื้นที่อนุรักษ์กว่า 41 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 42 จังหวัดทั่วประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในบางพื้นที่ที่ถิ่นอาศัยไม่สามารถรองรับประชากรช้างป่าได้แล้ว ส่วนหนึ่งออกมาหากกินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่อยู่อาศัย และบางแห่งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 – ปัจจุบัน มีประชาชนเสียชีวิตจากช้างป่า 240 ราย ได้รับบาดเจ็บ 208 ราย และยังมีความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สินและพืชผลของประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงอันตรายแก่ตัวช้างป่าหรือสัตว์ป่า จึงได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้มีศักยภาพในการรองรับประชากรช้างป่าและสัตว์ป่าได้มากขึ้น โดยการจัดทำแนวป้องกันช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ และจัดให้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ผลักดันและควบคุมช้างป่าและสัตว์ป่าที่ออกมานอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตลอดจนการควบคุมประชากรช้างป่าหรือการชะลอการเกิดช้างป่า ซึ่งเป็นอีกแนวทางสำคัญที่จะลดผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น
เพื่อแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินตามแนวทางคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง ตามกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาช้างป่า 6 ด้าน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานอนุรักษ์และจัดการช้างในภาพรวมให้เป็นไปอย่างมีระบบ เหมาะสม และยั่งยืน ประกอบด้วย 1. การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า 2. แนวป้องกันช้างป่า 3. ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า และเครือข่ายชุมชน 4. การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า 5. การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน และ 6. การควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด ซึ่งการควบคุมประชากรช้างป่าด้วยวัคซีนคุมกำเนิด เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนและเป็นข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้มอบหมายให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการโดยเร่งด่วน เป็นความพยายามและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาช้างป่าที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการดำเนินการดังกล่าวนี้เป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์ประชากรช้างป่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในบางพื้นที่ ที่ถิ่นอาศัยไม่สามารถรองรับประชากรดังกล่าวได้เพียงพอ
กรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงได้ร่วมกับศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาโครงการศึกษาวิจัยการใช้วัคซีนคุมกำเนิดแก่ช้างป่า โดยใช้วัคซีนคุมกำเนิด SpayVac® ซึ่งมีการใช้งานจริงในช้างแอฟริกามาแล้ว และได้เริ่มดำเนินโครงการทดลองฉีดวัคซีนคุมกำเนิดในช้างบ้านเพศเมียเต็มวัย จำนวน 7 เชือก ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ทั้งนี้มีการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจสุขภาพ และติดตามผลหลังการฉีดวัคซีน โดยวัคซีน 1 เข็ม จะควบคุมได้ระยะยาว 7 ปี พบว่าวัคซีนไม่มีผลต่อพฤติกรรมและสรีระของช้าง เป็นเพียงการควบคุมฮอร์โมนช้างเพศเมียไม่ให้มีลูก ซึ่งผลการทดลองหลังการฉีดวัคซีนพบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ช้างไม่มีอาการอักเสบ ไม่ส่งผลกระทบต่อช้างที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของตัวช้าง และพฤติกรรมทางสังคมของช้างป่า
การดำเนินการควบคุมประชากรช้างป่าโดยการใช้วัคซีนคุมกำเนิด มีเป้าหมายดำเนินงานเฉพาะพื้นที่ที่มีประชากรช้างป่ามากจนเกินศักยภาพของพื้นที่อนุรักษ์และขนาดของพื้นที่ป่าจะรองรับได้ เช่น ในพื้นที่กลุ่มป่าตะวันออก (ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด) ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรช้างป่าที่มีอัตราการเพิ่มสูงที่สุด และมีปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์รุนแรงมาก ทั้งนี้ การใช้วัคซีนมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อแก้ปัญหาช้างป่าอย่างเป็นรูปธรรม มีแผนดำเนินงานที่รัดกุม ผ่านการศึกษาวิจัยที่มีการทดสอบ ติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ตามหลักทางวิชาการและเทคนิคการสัตวแพทย์ มีการเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือ เวชภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงกำหนดแนวทางการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งการศึกษาจำนวน โครงสร้างชั้นอายุ สัดส่วนเพศของประชากรช้างป่าในพื้นที่อย่างชัดเจนก่อนดำเนินการ การจำแนกตัวและทำอัตลักษณ์ช้างป่าแต่ละตัวในแต่ละฝูง แนวทางการติดตามช้างป่าโดยการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ติดตามตัว การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงาน การดำเนินโครงการดังกล่าวนี้จะเป็นแนวทางในการจัดการและแก้ไขปัญหาช้างป่า และการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์และการจัดการประชากรช้างป่าให้มีปริมาณที่สมดุล ลดปัญหาระหว่างคนกับช้างป่า และให้ทุกภาคส่วนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในดูแล เกิดการอนุรักษ์และจัดการช้างป่าอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน.