• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

อัพเดทอาการเสือโคร่งจากอุทยานแห่งชาติพุเตย ทีมสัตวแพทย์เผยอาการดีขึ้น พร้อมเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

คณะเจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์จากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานความคืบหน้าอาการของเสือโคร่งเพศเมีย อายุประมาณ 7 ปี จากอุทยานแห่งชาติพุเตย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการติดบ่วงดักสัตว์แบบลวดสลิงบริเวณขาหน้าด้านขวา

สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าสำนักบรืหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และ สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก รายงานว่า​ จากการตรวจสอบอาการเสือโคร่ง​ ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 เวลา 18.00 น. พบว่าแผลบริเวณขาหน้าข้างขวามีอาการบวมลดลงเมื่อเทียบกับวันที่ 8 มกราคม 2568 เสือโคร่งสามารถลงน้ำหนักได้ทั้ง 4 ขา แม้ขาหน้าข้างขวาจะยังไม่สามารถลงน้ำหนักได้เต็มที่ก็ตาม ในด้านการกินอาหาร เสือสามารถกินเนื้อหมูได้ 2 กิโลกรัมในช่วงเวลา 12.30-18.00 น. โดยทีมสัตวแพทย์ได้จัดเตรียมเนื้อหมูไว้ทั้งหมด 3 กิโลกรัม และจะติดตามการกินอาหารเพิ่มเติมในวันถัดไป นอกจากนี้ เสือยังมีการขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะเป็นปกติ

ทีมสัตวแพทย์ได้ดำเนินการรักษาด้วยยาหลายชนิด ประกอบด้วย ยาลดปวด ยาลดการอักเสบ ยาฆ่าเชื้อ วิตามินบำรุง และยาถ่ายพยาธิทั้งภายในและภายนอก พร้อมทั้งได้จัดการสภาพแวดล้อมโดยการขึงสแลนรอบบริเวณกรงเลี้ยงเพื่อให้มีความสงบที่สุด และมีคำสั่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่บริเวณดูแลรักษาโดยเด็ดขาด เพื่อประโยชน์ต่อการฟื้นฟูสุขภาพของเสือ

การดูแลรักษาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นำโดย สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ จากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.3 (บ้านโป่ง) สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก และนางสาวสาวิตรี เชื้อพงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย โดยจะมีการประเมินอาการเสือโคร่งอย่างต่อเนื่องเป็นรายวัน เพื่อพิจารณาการปล่อยคืนสู่ถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด