เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าประจวบคีรีขันธ์รุดจับกุมชายหนุ่มวัย 26 ปี หลังพบแอบบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเปิดไร่กาแฟและทุเรียนกว่า 7 ไร่ พร้อมปลูกสร้างขนำพักอาศัย ผู้ต้องหารับสารภาพเป็นเจ้าของแปลง ถูกดำเนินคดีข้อหาหนักรวม 6 ข้อหา
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 67 นายกิตติศักดิ์ สมศรี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนบน) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกป่าบริเวณป่าท่าใหญ่ บ้านไร่บน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับรายงานพบการบุกรุกพื้นที่ป่า โดยเจ้าหน้าที่ใช้ยุทธวิธีดักซุ่มรอจนพบชายต้องสงสัยเดินเข้ามาในพื้นที่ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ทราบชื่อคือ นายณรงค์ศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ชาวอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งยอมรับว่าเป็นเจ้าของแปลงและเป็นผู้บุกเบิกพื้นที่ปลูกกาแฟและทุเรียน จากการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่าจำนวน 7 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา พร้อมสร้างขนำพักอาศัย 1 หลัง ปลูกต้นกาแฟและทุเรียนเต็มพื้นที่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหารวม 6 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-2,000,000 บาท และความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 4 ข้อหา มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายนพพร ประทุมเหง่า ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายเข้มงวดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าและลักลอบค้าไม้มีค่า พร้อมเตือนว่าผู้ที่คิดจะบุกรุกป่าควรคำนึงถึงบทลงโทษที่รุนแรง ทั้งจำคุกและปรับเป็นเงินจำนวนมาก
ทั้งนี้ การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเกษตรยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่เจ้าหน้าที่ต้องเร่งปราบปราม โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาพืชเศรษฐกิจอย่างกาแฟและทุเรียนมีราคาสูง ทำให้มีการลักลอบบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเพาะปลูกมากขึ้น ซึ่งผู้กระทำผิดต้องระวางโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราที่สูง