เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ตามที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้อนุมัติให้ย้ายพลายขุนเดชไปรักษาที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ โดยทีมสัตวแพทย์ได้เข้าตรวจสุขภาพในวันนี้ (28 ตุลาคม 2567) ก่อนวางแผนขนย้ายโดยเร็ว เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ภายใต้มาตรฐานการดูแลช้างที่กำหนดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี เฝ้าระวังโรค และบันทึกข้อมูลการรักษาอย่างเป็นระบบ
ล่าสุด สัตวแพทย์หญิงรัตนา สาริวงศ์จันทร์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้รายงานถึงผลการตรวจสุขภาพช้างพลายขุนเดช ที่ Elephant Nature Park โดยทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ร่วมกับสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การตรวจครั้งนี้ ทีมสัตวแพทย์ต้องประสานงานกับ Elephant Nature Park ให้งดอาหารช้าง 12 ชั่วโมง และงดน้ำ 6 ชั่วโมง เพื่อการวางยาซึมระดับอ่อน (mild sedation) นาน 60-90 นาที เนื่องจากไม่สามารถเข้าใกล้ช้างเพื่อเก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ มูล และตรวจบาดแผลได้โดยตรง
.
ผลการตรวจพบความผิดปกติที่รุนแรง โดยเฉพาะที่ขาหน้าซ้ายซึ่งเคยติดบ่วงแร้ว มีความยาวมากกว่าขาขวาที่ปกติ เพราะช้างไม่ได้ใช้ขาข้างนี้รับน้ำหนัก ส่งผลให้ขาหลังต้องรับน้ำหนักชดเชย โดยเฉพาะขาหลังขวาที่มีการลอกหลุดและงอกของฝ่าเท้าผิดธรรมชาติ เล็บเท้าผิดปกติเล็กน้อย นอกจากนี้ยังพบว่ากระดูกสันหลังผิดรูปเป็นรูปตัว S จากการชดเชยน้ำหนักขณะเดิน ส่วนบาดแผลที่เท้าหน้าซ้าย แม้ไม่พบการติดเชื้อ แต่มีเนื้อเยื่อส่วนเกิน (granulation tissue) ที่ไวต่อความรู้สึกและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเปิดได้ง่าย ด้านพฤติกรรม พบว่าผู้ดูแลสามารถควบคุมช้างได้เพียงระดับ 5/10 ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมสำหรับการรักษา (7-8/10)
.
จากการประเมิน ทีมสัตวแพทย์ระบุว่าความผิดปกติทางโครงสร้างที่เกิดขึ้นมานานกว่า 10 ปีนี้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและเครื่องมือพิเศษในการรักษา จึงวางแผนดำเนินการหลังย้ายช้างไปยังสถานที่ใหม่ โดยระหว่างนี้จะย้ายช้างจากโรงเรือนเดิมที่ติดชุมชนและมีดินโคลนทับถม ไปยังโรงเรือนใหม่ใกล้จุดเคลื่อนย้าย ทำความสะอาดบาดแผล พันผ้าพันแผล และสวมถุงเท้าป้องกันสิ่งสกปรก (wound dressing) ทุกวัน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกทุกวัน
สำหรับแผนการช่วยเหลือระยะยาว มีดังนีั
1. ตรวจสุขภาพและประเมินพฤติกรรมในพื้นที่ต้นทาง
2. เก็บตัวอย่างตรวจทางห้องปฏิบัติการ:
– โรคติดต่อจากสัตว์สู่ช้าง: โรคปากและเท้าเปื่อย โรคแท้งติดต่อ โรคแอนแทรกซ์ โรคคอบวม โรคพยาธิในเลือด โรคพยาธิใบไม้ในทางเดินอาหาร
– โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนและช้างสู่ช้าง: โรควัณโรค โรคติดเชื้อเฮอร์ปีส์ โรคฉี่หนู โรคมงคล่อเทียม
– ตรวจการทำงานของอวัยวะภายในและระบบเลือด
3. กำหนดวิธีการเคลื่อนย้าย เส้นทาง และประสานงานผู้เกี่ยวข้อง
4. กักโรคในพื้นที่ปลายทาง
5. สร้างความคุ้นเคยและสื่อสาร
6. ตรวจวินิจฉัยและรักษาพยาบาลอย่างเต็มรูปแบบ
.
นายอรรถพล กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า ในการดำเนินทุกขั้นตอนทีมสัตวแพทย์ ควาญ และเจ้าหน้าที่จะคำนึงถึงสภาพร่างกายของช้างเป็นสำคัญ โดยหากพบภาวะวิกฤติ จะเร่งดำเนินการเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมงตามเงื่อนไขการเคลื่อนย้ายช้างป่วยหนัก เพื่อให้ช้างได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนและเหมาะสมที่สุด รวมถึงเพื่อป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของช้าง
สำหรับพลายขุนเดช” เป็นช้างป่าที่บาดเจ็บจากบ่วงแร้ว ที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2555 ขณะมีอายุเพียง 2 ปี โดยพบสาเหตุที่ทำให้แผลที่ข้อเท้าหน้าซ้ายรักษาไม่หาย เนื่องจากมีการงอกแหลมออกของกระดูกข้อเท้าบางชิ้น ประกอบกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโต และพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นที่มีฮอร์โมนเพศหลั่งมากผิดปกติ ได้ส่งตัวไปรักษาที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จ.ชลบุรี ก่อนย้ายไปรักษาต่อที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในปี 2556 จนมีอาการดีขึ้น แต่เนื่องจากเป็นช้างพิการไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ จึงได้ส่งตัวไปอยู่ในการดูแลของมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ ในปี 2557
.
อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต้องขอขอบคุณมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยดูแล และรับอนุบาลพลายขุนเดช เป็นอย่างดีตลอดมา จนถึงปัจจุบัน