• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกอุทยานเขาค้อให้ได้ จะเป็นตัวอย่างให้คนบุกรุกเพิ่ม ทั้งสองรายบุกรุกใหม่ สั่งดำเนินคดีกลุ่มขัดขวาง จนท.

วันที่ 22 มกราคม 2567 เวลา 09.00 น. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ นายโกเมศ พุทธสอน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผอ.ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจฯ (พญาเสือ) ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด จำนวน 192 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า สถานีตำรวจภูธรอำเภอหล่มเก่า และศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง เข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ทพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริเวณภูทับเบิก-ผาหัวสิงห์ ภายในเขต อช.เขาค้อ ตามมาตรา 35(3) แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 จำนวน 2 แห่ง คือ ภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท และ กู๊ดวิว-ฮอตวิว ภูทับเบิก ท้องที่บ้านดอยน้ำเพียงดิน ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
สำหรับการดำเนินการเข้ารื้อถอนนั้น ได้มีการแจ้งขั้นตอนกระบวนการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ปิดประกาศให้กับผู้ประกอบการทราบแล้ว โดยในช่วงเข้าปฎิบัติงานคณะเจ้าหน้าที่เดินทางถึงบริเวณเส้นทางขึ้นภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท และกู๊ดวิว-ฮอตวิว ภูทับเบิก ท้องที่บ้านดอยน้ำเพียงดิน ม.8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ พบกลุ่มราษฎร ประมาณ 30 คน รวมตัวกันยืนปิดเส้นทางขึ้น พร้อมถือป้ายข้อความ “ถนนส่วนบุคคลห้ามผ่าน” คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ชี้แจงขอเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อถูกกลุ่มชาวบ้านขัดขวาง จึงได้เจรจาต่อรองตามขั้นตอนข้อเสนอดังนี้
1. ขอเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ตาม ม.35(3) แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 แต่ราษฎรกลุ่มดังกล่าวไม่ยอมให้เข้าพื้นที่ 2. ขอนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขึ้นไปพ่นสีเพื่อแสดงแนวเขตของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ เพื่อชี้แจงตามที่กลุ่มชาวบ้านไม่ยอมรับทำความเข้าใจ และจะยังไม่ดำเนินการรื้อถอนในวันนี้ มีราษฎรบางส่วนเห็นด้วยกับข้อเสนอ แต่สุดท้ายก็ไม่ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปดำเนินการใด ๆ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมอุทยานฯ กรมพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานฝ่ายปกครองในท้องที่ เพื่อดูแนวเขตร่วมกันในวันหลัง ทั้งที่ในความเป็นจริงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เคยร่วมชี้แนวเขตพื้นที่ร่วมกันแล้ว แต่ราษฎรในพื้นที่ไม่ยอมรับ โดยในการเจรจาได้มีปลัดอำเภอหล่มเก่าในฐานะฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าร่วมด้วย แต่ราษฎรก็ไม่ยอมรับข้อเสนอ จึงได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งขึ้นไปบริเวณภูทับเบิกสวนสวรรค์รีสอร์ท และกู๊ดวิว-ฮอตวิว ภูทับเบิก เพื่อดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยเจ้าหน้าที่สามารถรื้อถอนเสาไฟ รวม 7 ต้น และไฟฟ้าโซล่าเซลล์ จำนวน 5 ชุด บริเวณสถานที่ท่องเที่ยว กู๊ดวิว-ฮอตวิว ส่วนบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวภูทับเบิกสวนสวรรค์ ไม่สามารถรื้อถอนได้เนื่องจากมีราษฎรประมาณ 30 คน เข้าขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และไม่ยอมให้ทำการรื้อถอน จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้
จากสถานการณ์โดยพฤติการณ์ของราษฎรในเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง จะใช้ผู้หญิงเป็นด่านแรกในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยผู้ชายจะอยู่ด้านใน ส่งเสียงยั่วยุปลุกปั่นให้ผู้หญิงเข้าไปแย่งอุปกรณ์รื้อถอนจากเจ้าหน้าที่ มีการพูดต่อว่าคณะเจ้าหน้าที่ และมีการไลฟ์สดผ่านสื่อออน์ไลน์ กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง และพูดให้ร้ายต่อเจ้าหน้าที่
จากการกระทำดังกล่าว เป็นการหวังยั่วยุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเจรจาทำความเข้าใจอย่างละมุนละม่อม คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการประสานพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อรวบรวมนำหลักฐานภาพและวิดีโอ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับราษฎรกลุ่มดังกล่าวที่เข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 136 ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และมาตรา 138 ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา ส่วนรถยนต์ที่จอดขวางปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ออก ได้สั่งการให้ขนย้ายรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ และเมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการอย่างจริงจัง ราษฎรเจ้าของรถยนต์จึงได้ย้ายรถหนีออกไป ทั้งนี้ จะได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของรถคันดังกล่าวต่อไป ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีการเจรจาต่อรอง เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับราษฎร จึงไม่ได้บุกเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ด้วยเกรงว่าจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อกรมอุทยานฯ โดยจากการสอบถามพบว่าราษฎรที่มาชุมนุมในวันนี้เป็นราษฎรที่มาจากหมู่บ้านอื่น
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้มีการเปิดโอกาสในการเจรจาต่อรองเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน พร้อมมีการแบ่งปันอาหารกลางวันและน้ำให้กับราษฎรผู้ชุมชุน โดยไม่มีการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด ทั้งนี้จึงได้รวบรวมหลักฐานบันทึกรายละเอียดจัดทำบัญชีทรัพย์สินที่รื้อถอนได้ และบันทึกแจ้งความร้องทุกข์ผู้ที่ขัดขวาง การปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตามคดีอาญาที่ 30/2567 ปจว.ลำดับที่ 3 เวลา 21.31 น. ลงวันที่ 22 ม.ค.67
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้รื้อสิ่งปลูกสร้างบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาค้อให้ได้ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะสองรายนี้บุกรุกใหม่ และสั่งให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ได้พยายามเจรจาพูดคุยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและหาข้อยุติที่ดีร่วมกันแล้ว แต่ในทางปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องทำอย่างเคร่งครัดแบบไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะบุกรุกพื้นที่ของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิด ไม่ว่าใครก็ตาม จะใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด