• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

พบโลมาหลังโหนกคู่แม่-ลูก 2 คู่ ในพื้นที่ อช.หาดขนอมหมู่เกาะทะเลใต้ และ อช.หมู่เกาะอ่างทอง

22 ธันวาคม 2568 ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 (นครศรีธรรมราช) รายงานผลการสำรวจสถานภาพโลมาและสัตว์ทะเลหายากในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เมื่อวันที่ 17-21 ธันวาคม 2568 พบโลมาหลังโหนก (Sousa chinensis) หรือที่เรียกกันว่า “โลมาสีชมพู” จำนวน 2 คู่ พร้อมลูกน้อย แสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเลหายากชนิดนี้

นายธนบดี รอดสิน หัวหน้าศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 (นครศรีธรรมราช) เปิดเผยว่า การสำรวจครั้งนี้ใช้วิธีการทางเรือด้วยเทคนิค line intersect ร่วมกับการถ่ายภาพทางอากาศโดยอากาศยานไร้คนขับ เพื่อติดตาม ประเมินสถานภาพ นับจำนวนประชากรสัตว์ทะเลหายากอย่างเป็นระบบ ตลอดจนวิเคราะห์อัตลักษณ์ระบุรายชื่อและจำนวนประชากร (Photo ID) เพื่อการติดตามและอนุรักษ์ต่อไป

สำหรับจุดพบโลมาหลังโหนกทั้ง 2 แห่ง ได้แก่
  • จุดแรก บริเวณเกาะวัวตาหลับ (ทิศตะวันออก) พบโลมาคู่แม่-ลูก 2 ตัว แสดงพฤติกรรมการหาอาหารและดูแลลูกโลมาอย่างใกล้ชิด สัตว์มีสภาพสมบูรณ์ ไม่พบร่องรอยบาดแผลจากเครื่องมือประมง เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์จนโลมาว่ายน้ำห่างออกไปอย่างปลอดภัย
  • จุดที่สอง บริเวณท่าเรือ Raja Ferry พบโลมาคู่แม่-ลูกอีก 2 ตัว มีพฤติกรรมคล้ายกับจุดแรก อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสำรวจ พบว่ามีเรือนำเที่ยวชมโลมาไม่ต่ำกว่า 3 ลำ เข้ามาล้อมรอบโลมา มีการขับเรือไล่ต้อนและเข้าใกล้ตัวโลมามากเกินไป ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและอาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อมนุษย์และสัตว์

จากการตรวจวัดคุณภาพน้ำทะเลในบริเวณที่พบโลมา พบว่ามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยมีความลึก 2-5 เมตร อุณหภูมิน้ำ 27.60-27.93 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรด-เบส (pH) 7.93-8.01 ความเค็ม 28.90-31.17 ppt ความโปร่งใสน้ำ 0.50 ถึงมากกว่า 5 เมตร และค่าออกซิเจนละลายน้ำ 6.42-7.10 mg/L บริเวณที่พบโลมาอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 1-36 กิโลเมตร ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีเมฆบางส่วนและคลื่นลมเล็กน้อย

ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 ขอความร่วมมือผู้ประกอบการท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ปฏิบัติตามหลักการชมโลมาอย่างรับผิดชอบ หลีกเลี่ยงการไล่ต้อน ล้อมรอบ หรือเข้าใกล้โลมามากเกินไป เพื่อความปลอดภัยและการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากอย่างยั่งยืน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด