• ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ • สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

เขาอ่างฤาไนเข้ม! ระดมชุดปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง เฝ้าระวังและผลักดันช้างป่ากว่า 200 ตัว คืนสู่ป่าอย่างปลอดภัย

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน รายงานความคืบหน้าการปฏิบัติภารกิจเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง

8 พฤศจิกายน 2568 นายเอกชัย แสนดี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ได้ระดมชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วทั้ง 9 ชุด ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่ ดำเนินการใน 5 จังหวัดภาคตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี เพื่อดูแลความปลอดภัยของชุมชนและสัตว์ป่าอย่างสมดุล

การปฏิบัติงานดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหาช้างป่าและสัตว์ป่าของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ​ที่มุ่งเน้นการบูรณาการความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ให้เป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง และมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว

จากการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่พบช้างป่าออกนอกพื้นที่หลายฝูงรวมทั้งสิ้นมากกว่า 200 ตัว ในหลายพื้นที่

▪️จังหวัดฉะเชิงเทรา: ชุดปฏิบัติการที่ 1 สามารถผลักดันช้างป่าฝูงใหญ่ถึง 30 ตัว บริเวณบ้านอ่างเสือดำและบ้านเขาวงค์ ตำบลท่าตะเกียบ ให้กลับเข้าสู่เขตรักษาพันธุ์ฯ ได้สำเร็จอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ ยังพบช้างป่าเดี่ยวและฝูงเล็กในพื้นที่บ้านทุ่งส่าย บ้านห้วยตะปอก และบ้านหัวฝาย

▪️จังหวัดจันทบุรี: เป็นพื้นที่ที่มีการพบช้างป่ามากที่สุด โดยชุดปฏิบัติการที่ 9 และ 13 พบช้างป่าฝูงใหญ่ถึง 80 ตัว บริเวณสวนปาล์มบ้านหินแร่ และอีก 40 ตัว บริเวณอ่างพวาใหญ่ ตำบลพวา อำเภอแก่งหางแมว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้เทคโนโลยีโดรนในการสำรวจและติดตามช้างป่าอย่างมีประสิทธิภาพ

▪️จังหวัดสระแก้ว: ชุดปฏิบัติการที่ 3 ลาดตระเวนพื้นที่บ้านคลองไม้เลี้ยง บ้านคลองชล และพบช้างป่าสีดอเพศผู้ 2 ตัว บริเวณไร่อ้อยในตำบลทุ่งมหาเจริญ

▪️จังหวัดชลบุรี: ชุดปฏิบัติการที่ 4 ตรวจพบช้างป่า 5 ตัว เดินหากินบริเวณสวนปาล์มของชาวบ้าน ตำบลบ่อทอง

▪️จังหวัดระยอง: ชุดปฏิบัติการที่ 6 พบร่องรอยช้างป่า 1 ตัว บริเวณบ้านปากแพรก อำเภอเขาชะเมา

นายเอกชัย แสนดี กล่าวว่า ความสำเร็จในการปฏิบัติงานครั้งนี้เกิดจากความร่วมมืออันเข้มแข็ง ระหว่างเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ฯ กับเครือข่ายอาสาสมัครและชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการแจ้งเหตุและให้ข้อมูลอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าจัดการสถานการณ์ได้ทันท่วงที

“การเฝ้าระวังช้างป่าเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์สัตว์ป่าและความปลอดภัยของชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้การจัดการปัญหาเป็นไปตามนโยบายของรัฐ และพร้อมมีมาตรการเยียวยาหากเกิดความเสียหาย”

นายเอกชัยกล่าวเน้นย้ำ พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ หากพบช้างป่าออกนอกพื้นที่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด