วันที่ 4 กันยายน 2568 นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “บูรณาการป้องกันและปราบปรามแบบมีส่วนร่วม” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมอมารี หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามเข้าร่วมสัมมนาจำนวน 120 คน
นายวีระ ขุนไชยรักษ์ กล่าวว่า สถานการณ์การลักลอบตัดไม้มีค่า การบุกรุกพื้นที่ป่า และการล่าค้าสัตว์ป่า ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้รับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ให้ปฏิบัติงานในเชิงรุกเพื่อป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ พร้อมทั้งเน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติงาน 4 ข้อ ได้แก่
1.เน้นการป้องกันมากกว่าการปราบปรามจับกุม เพื่อรักษาพื้นที่ป่าให้คงอยู่มากที่สุด
2.ศึกษาข้อกฎหมายให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
3.สร้างเครือข่ายกับประชาชน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและเป็นแนวร่วมในการสนับสนุนการทำงาน
4. ใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงาน เช่น อากาศยานไร้คนขับ กล้องระบบ NCAPS (Network Centric Anti-Poaching System) และ GPS เพื่อหยุดยั้งการกระทำผิด และใช้ในการติดตามสืบสวนขยายผลเพื่อหาความเชื่อมโยงของขบวนการทำไม้
ด้านนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์หลักของการสัมมนาครั้งนี้คือการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง
โดยเนื้อหาการสัมมนาตลอด 15 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งภาคบรรยายและภาคปฏิบัติในหัวข้อสำคัญต่าง ๆ อาทิ การจัดการของกลางในคดีป่าไม้, การวางแผนการใช้อากาศยานเพื่อการอนุรักษ์, การทบทวนการใช้งานแอปพลิเคชัน “สายด่วน 1362”, การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประชาชน และการถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นายวีระ ได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสัมมนาในครั้งนี้ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านมีความรู้ ความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของชาติต่อไป