“หมาในสีเผือก สัญลักษณ์แห่งความหวังจากแก่งกระจาน”
วันที่ 13 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันที่โลกร่วมกันเฉลิมฉลองวันหมาป่าโลก (International Wolf Day) วันที่ให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับสัตว์ผู้ล่าชั้นสูงที่มีบทบาทสำคัญต่อความสมดุลของธรรมชาติ แต่กลับถูกเข้าใจผิดและถูกคุกคามมาอย่างยาวนาน
”วันหมาป่าโลก” ปีนี้มีเรื่องราวที่น่ายินดี เมื่ออุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มรดกโลกทางธรรมชาติของไทย เผยภาพความประทับใจของ “หมาใน” สัตว์ผู้ล่าที่กำลังจะกลายเป็นตำนานแห่งผืนป่า
ภาพที่สร้างความตื่นเต้นไปทั่วโลกออนไลน์ คือภาพของฝูงหมาใน 3 ตัวที่กำลังเล่นน้ำกันอย่างมีความสุข บริเวณถนนสายบ้านกร่าง-พะเนินทุ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักดูนกและผู้รักสัตว์ป่ารู้จักกันดี แต่สิ่งที่ทำให้การพบเจอครั้งนี้ พิเศษกว่าปกติคือ หนึ่งในนั้นเป็นหมาในที่มี “สีมันเผือก” หรือมีสีอ่อนกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกมันยังคงสามารถสืบพันธุ์ได้ในป่าไทย หมาในสีมันเผือกตัวนี้ไม่ใช่การพบเจอครั้งแรกในอุทยานฯ แก่งกระจาน เจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยคาดการณ์ว่ามีประมาณ 4 ตัวในพื้นที่อุทยานฯ
นอกจากนี้ การพบหมาในสีเผือกตัวนี้ถือเป็นปรากฏการณ์หายากและมีความสำคัญทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งนักวิชาการคาดว่าอาจเป็นความผิดปกติของเม็ดสี (Pigmentation) หรือปัจจัยทางพันธุกรรม แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การที่มันยังคงมีชีวิตรอดอยู่ได้ ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าแก่งกระจานเป็นผืนป่าที่แข็งแรง และมีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแท้จริง
ในอดีต หมาในและหมาป่าถูกมองว่าเป็นศัตรูของมนุษย์จากภาพลักษณ์ในนิทานและวัฒนธรรมต่างๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สัตว์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของธรรมชาติ พวกมันทำหน้าที่ควบคุมจำนวนสัตว์กินพืช ช่วยให้พืชพรรณไม่ถูกทำลายมากเกินไป และยังทำให้ระบบนิเวศมีความสมบูรณ์อยู่เสมอ
การปรากฏตัวของหมาในกลุ่มนี้ในจุดที่เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดนิยมของนักดูนกและผู้รักสัตว์ป่า โดยเฉพาะบริเวณที่มีชื่อเสียงด้านการดูนกและสัตว์ป่าของแก่งกระจาน แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความสบายใจของสัตว์เหล่านี้ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานฯ แก่งกระจาน เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่สุดของไทยในการอนุรักษ์สัตว์ป่าหายาก ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่ที่ราบลุ่มจนถึงยอดเขาที่สูง ทำให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากกว่า 400 ชนิด รวมถึงสัตว์หายากระดับโลกหลายชนิด จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้เราทุกคนตระหนักว่า หากเราให้พื้นที่และการเคารพที่เหมาะสม สัตว์ป่าเหล่านี้ก็ยังคงสามารถเติบโตและดำรงอยู่ได้ การร่วมกันอนุรักษ์ “หมาป่าไทย” ของเราจึงไม่ใช่เพียงแค่การปกป้องสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เป็นการปกป้องความสมดุลของธรรมชาติทั้งหมดที่มีอยู่ร่วมกัน