7 สิงหาคม 2568 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยถึงสถานการณ์ช้างป่าในพื้นที่ป่าตะวันออกว่า จากการสำรวจช้างป่าในกลุ่มป่าตะวันออกทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 7 แห่ง ในพื้นที่พบช้างป่าจำนวนทั้งสิ้น 799 ตัว ประกอบด้วย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน จำนวน 496 ตัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จำนวน 134 ตัว อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จำนวน 9 ตัว อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จำนวน 74 ตัว อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จำนวน 28 ตัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองเครือหวาย เฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 27 ตัว และอุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว จำนวน 31 ตัว
จากรายงานพบว่า ช้างป่าในพื้นที่ป่าภาคตะวันออกเดินทางออกหากินนอกป่าอนุรักษ์ไปไกลกว่า 40 กิโลเมตร อย่างเช่น ช้างป่าออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จากแนวเขตจังหวัดระยอง เข้าไปในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ในพื้นที่ป่าเขาเจ้า-บ่อทอง โดยออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน มากกว่า 29 กิโลเมตร ด้านจังหวัดฉะเชิงเทรา ออกไปทางตำบลวังท่าช้าง ตำบลเขาไม้แก้ว ไปจนถึง ตำบลย่านรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยห่างออกจากป่าอนุรักษ์ ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร และด้านตำบลเขาฉกรรจ์ อำเภอเขาฉกรรจ์ และตำบลสระขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ห่างออกจากป่าอนุรักษ์ ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร พบว่าช้างออกมาอยู่นอกป่ามากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่น่ากังวลคือ เมื่อออกมาอยู่นอกป่าแล้ว พบว่าช้างไม่ยอมกลับเข้าป่า โดยในช่วงกลางวันจะอาศัยหย่อมป่าขนาดเล็กเป็นที่นอนหลบแดด จากนั้นในช่วงบ่ายจะออกกมากินอาหาร ซึ่งเป็นพืชผล ผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน เช่น ทุเรียน มังคุด กล้วย อ้อย มันสำปะหลัง หรือผลไม้ตามฤดูกาล โดยพืชผลเหล่านี้จะมีรสชาติดีกว่าอาหารที่เคยกินอยู่ในป่า เมื่อได้กินแล้วจึงติดใจไม่ยอมกลับเข้าป่าในจุดเดิมอีก
ทั้งนี้ พบว่าช้างป่าที่ออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์สร้างความเสียหายในกลุ่มป่าตะวันออก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2668 รวม 7 จังหวัด พบว่า ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 3,375 ครั้ง สร้างความเสียหายรวม 313 ครั้ง เป็นพืชผล 269 ครั้ง ทรัพย์สิน 23 ครั้ง คนเจ็บ 9 ราย และคนเสียชีวิต 12 ราย
โดยแยกเป็น จังหวัดจันทบุรี ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 1,979 ครั้ง สร้างความเสียหาย รวม 217 ครั้ง เป็นพืชผล 188 ครั้ง ทรัพย์สิน 20 ครั้ง คนเจ็บ 4 ราย และคนเสียชีวิต 5 ราย
จังหวัดฉะเชิงเทรา ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 596 ครั้ง สร้างความเสียหายรวม 14 ครั้ง เป็นพืชผล 11 ครั้ง ทรัพย์สิน 1 ครั้ง และคนเสียชีวิต 2 ราย
จังหวัดตราด ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 303 ครั้ง สร้างความเสียหายรวม 5 ครั้ง เป็นพืชผล 2 ครั้ง ทรัพย์สิน 1 ครั้ง และคนเสียชีวิต 2 ราย
จังหวัดสระแก้ว ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 167 ครั้ง สร้างความเสียหายรวม 10 ครั้ง เป็นพืชผล 7 ครั้ง คนเจ็บ 1 ราย และคนเสียชีวิต 2 ราย
จังหวัดชลบุรี ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 142 ครั้ง สร้างความเสียหายรวม 36 ครั้ง เป็นพืชผล 33 ครั้ง ทรัพย์สิน 1 ครั้ง และคนเจ็บ 2 ราย
จังหวัดระยอง ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 107 ครั้ง สร้างความเสียหาย รวม 28 ครั้ง เป็นพืชผล 27 ครั้ง และคนเจ็บ 1 ราย
จังหวัดปราจีนบุรี ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ 81 ครั้ง สร้างความเสียหายรวม 3 ครั้ง เป็นพืชผล 1 ครั้ง คนเจ็บ 1 ราย และคนเสียชีวิต 1 ราย
การออกนอกพื้นที่ป่าของช้างป่านั้น แต่เดิมคิดว่าเกิดจากการบุกรุกป่าของชาวบ้าน รวมถึงช้างคุ้นเคยกับพื้นที่ จึงออกหากินข้างนอก แต่จากการเก็บข้อมูลทำให้พบว่า ช้างเดินออกมาจากป่าที่อาศัยอยู่เป็นระยะทางที่ไกลมาก มีหลายตัวที่เดินไกลถึงประมาณ 40 กิโลเมตร โดยในภาคตะวันออกนั้น มีช้างป่าประมาณ 800 ตัว พบว่า 70-80% นั้นออกมาอยู่นอกป่า ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมาก
กรมอุทยานฯ เร่งจัดทำแผนที่ประชากรช้าง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลและอัพเดตประชากรช้างในแต่ละจุด ซึ่งจะสร้างแอพพลิเคชั่น เพื่ออัพเดตข้อมูลทุกสัปดาห์ โดยจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วดูแลเรื่องช้างในแต่ละพื้นที่ที่ทางกรมอุทยานฯ ว่าจ้างจะติดตามข้อมูลสถานการณ์ช้างและเป็นผู้คอยผลักดันช้างออกจากพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน
สำหรับกรณีการใช้วัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า ขอชี้แจงว่า กรมอุทยานฯ ไม่ได้ฉีดวัคซีนเพื่อทำหมันช้างป่า แต่เป็นการคุมอัตราการเกิดช้างในช่วงระยะเวลาหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายช้างป่า พื้นที่ที่มีช้างป่าจำนวนมากและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความเร็วในการเพิ่มประชากรช้างป่าไม่ให้เพิ่มขึ้นเร็วเกินไป เนื่องจากขณะนี้ประชากรช้างในพื้นที่ป่ารอยต่อนั้นมีจำนวนมากและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนเข้าใจถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และพืชผลการเกษตร อีกทั้งต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง รวมถึงเจ้าหน้าที่และจิตอาสาที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังช้างป่าต้องเสี่ยงอันตรายอย่างมากเช่นกัน