กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จับมือบริษัท เอไอเอ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรี แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าสัญญาจ้างและบุคลากร ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง มุ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและดูแลเจ้าหน้าที่ให้มีสวัสดิการเพิ่มขึ้น
วันพุธที่ 15 มกราคม 2568 เวลา 10.30 น. นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ปฏิบัติการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วย นายโยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือตามโครงการมอบความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้างที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง และมีพลเอก ประดิษฐ์ บุญเกิด เลขาธิการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมเป็นสักขีพยาน และนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์กรมอุทยานแห่งชาติฯ
นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เสริมสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ และสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน โดยโครงการครอบคลุมเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและบุคลากรประเภทสัญญาจ้าง ประกอบด้วย ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ บุคคลภายนอกที่ช่วยปฏิบัติงานและลูกจ้างเหมาเอกชนพื้นที่มรดกโลกทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และกลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยกรมอุทยานแห่งชาติ มีเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและบุคลากรประเภทสัญญาจ้างที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 2,104 ราย ซึ่งในระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2567 มีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มรดกโลก ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ จำนวนทั้งสิ้น 14 ราย แบ่งเป็น เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 10 ราย สาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตและบาดเจ็บคือการลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงภัยการเผชิญหน้ากับสัตว์ป่า เช่น ช้างป่า สัตว์มีพิษ และอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน ซึ่งข้อมูลนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงสูงที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าต้องเผชิญ ความคุ้มครองจากกรมธรรม์ในโครงการนี้ จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง อีกทั้งยังช่วยลดภาระและเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า
นายโยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “เอไอเอ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เกิดความร่วมมือในครั้งนี้ขึ้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และยังสอดคล้องกับเป้าหมายของเอไอเอที่มุ่งมั่นในการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลสุขภาพ การมีความมั่นคงทางการเงิน ตลอดจนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อหวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและดูแลเจ้าหน้าที่ห้มีสวัสดิการความคุ้มครองอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืน (ESG) ของเอไอเอ ภายใต้คำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives” โดยวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ เพื่อมอบความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุให้แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่มีความสามารถและได้เสียสละเข้ามาช่วยอนุรักษ์พื้นป่า ตลอดจนเพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าให้อยู่คู่กับมนุษย์อย่างยั่งยืน ซึ่งการร่วมมือกันเพื่อดำเนินการมอบความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้าง เราจะมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติทั้งสิ้น 3 แห่ง นอกจากนี้เรายังเล็งเห็นถึงความสำคัญของเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้างที่ดูแลพื้นป่าและสัตว์ป่าของประเทศไทยและตระหนักดีว่าบุคลากรกลุ่มนี้ยังมีความคุ้มครองอุบัติเหตุและชีวิตที่ไม่เพียงพอ เราจึงต้องการมีส่วนช่วยในการยกระดับคุณภาพชีวิตและมอบการดูแลให้แก่เจ้าหน้าที่ให้มีสวัสดิการความคุ้มครองอุบัติเหตุที่เพิ่มเติมขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพและความมั่นใจในการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ในการออกลาดตระเวน สำหรับปีแรกของโครงการ เราจะมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มเพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้าง จำนวนกว่า 2,104 ราย โดยระยะเวลาคุ้มครองนาน 365 วัน หรือ 1 ปี ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพื่อมอบเป็นสวัสดิการและส่งเสริมแก่เจ้าหน้าที่ให้มีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุอย่างครบถ้วนและจำเป็นในการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ผลักดันให้คนไทยตระหนักถึงความจำเป็นของการมีหลักประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด และความร่วมมือจะสำเร็จลุล่วงด้วยดีไม่ได้เลยหากไม่ได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่เป็นหน่วยงานหลักที่ช่วยประสานงาน และเอไอเอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยมอบความคุ้มครองชีวิตของผู้พิทักษ์ป่า แต่จะยังสานต่อได้เป็นโครงการระยะยาว เพื่อให้ผู้พิทักษ์ป่าได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป” นายโยฮัน กล่าวเสริม