วันที่ 18 มิถุนายน 2568 -ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เดินทางมายังอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เพื่อเป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการทำงานที่สำคัญแก่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลทั้ง 26 แห่งทั่วประเทศ โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายชิดชนก สุขมงคล รองอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าอุทยานฯ เข้าร่วมประชุมฯ
ในการประชุมครั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญ 3 ประการ ที่จะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนภารกิจของกรมอุทยานฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางทะเลอันเป็นสมบัติของชาติ
รมว.ทส. ได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการต่างๆ ของอุทยานแห่งชาติทางทะเล โดยเน้นย้ำให้มีการบริหารจัดการอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อนำรายได้ที่ได้มากลับไปพัฒนาศักยภาพของอุทยานฯ และเป็นทุนหมุนเวียนในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
ประเด็นที่สอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ดร.เฉลิมชัย ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือการดูแลสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ผืนป่าและท้องทะเลไทย โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุกคนคือฟันเฟืองสำคัญในการปกป้องสมบัติของชาติ “ผมให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่และสวัสดิการของพี่น้องเจ้าหน้าที่ทุกคน เพราะตระหนักดีว่าการทำงานในพื้นที่ห่างไกลและการเผชิญกับความท้าทายต่างๆ นั้นต้องอาศัยกำลังใจและขวัญที่ดีเยี่ยม”
ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ได้มอบนโยบายให้กรมอุทยานฯ พิจารณาแนวทางเพิ่มพูนสวัสดิการต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่และครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ดร.เฉลิมชัย ยังได้ใช้โอกาสนี้ในการให้กำลังใจและชื่นชมความเสียสละของบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลทรัพยากรทางทะเลของชาติอย่างไม่ย่อท้อ และขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการดูแลทรัพยากรทางทะเลอันมีค่า ขอให้ทุกท่านภาคภูมิใจในภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ ทางกระทรวงฯ พร้อมสนับสนุนและผลักดันทุกวิถีทางเพื่อให้การทำงานของท่านเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งมิติของการอนุรักษ์ การสร้างรายได้ และการดูแลบุคลากร เพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลของไทยคงความสมบูรณ์และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป.